รอยแตกลายสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การตั้งครรภ์ การเจริญเติบโตทางร่างกาย การขาดคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง รอยแตกลายสามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกายแต่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก้น แตก ลาย สามารถจางหายไปได้เอง แม้ว่าอาจจำเป็นต้องใช้การรักษาร่วมด้วยเพื่อช่วยให้รอยแตกลายนั้นจางได้เร็วขึ้น
ปัญหาผิวแตกลาย อาจดูเหี่ยวย่นและอาจเป็นสีชมพู แดง ดำ หรือม่วง อาจมีขนาดใหญ่หรือเล็กก็ได้ ปัญหาผิวแตกลายเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกายไม่เฉพาะก้นเท่านั้น ยังปรากฏให้เห็นได้ทั้งหน้าท้อง สะโพก หน้าอก ส่งผลให้คอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ในผิวหนังที่มีหน้าที่สร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นสลายตัว ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักเกิดขึ้นได้จาก
- การสืบทอดทางพันธุกรรม
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน
- ผู้ที่น้ำหนักตัวเพิ่มและลดลงอย่างรวดเร็ว
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
- ร่างกายที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
- การใช้ครีมสเตียรอยด์หรือรับประทานยาคุมกินแล้วไม่อ้วนจนอาจทำให้ผิวหนังบางลงและเกิดรอยแตกลายได้
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดผิวแตกลาย
รอยแตกลายมักปรากฏตามหน้าท้อง หน้าอก สะโพก ก้น แตก ลาย ต้นขา เป็นต้น นอกจากนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์มักพบปัญหาผิวแตกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ทุกคนสามารถรักษาและป้องกันปัญหานี้ได้ดังนี้
ควบคุมน้ำหนัก
วิธีป้องกันผิวแตกลายคือการรักษาน้ำหนักของคุณ รอยแตกลายสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อผิวหนังแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณยังอาจสังเกตเห็นรอยแตกลายหลังจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
รับประทานอาหารเสริมวิตามินดี (Vitamin D)
วิตามินดีมีความสำคัญต่อสุขภาพผิว ส่วนใหญ่แล้วร่างกายมักจะได้รับวิตามินดีจากแสงแดด อย่างไรก็ตาม การได้รับแสงแดดมากเกินไปสามารถเพิ่มความเสี่ยงของผิวแก่ก่อนวัย ความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง การรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามินดีถือว่าปลอดภัยในการรับวิตามินดีเข้าสู่ร่างกาย
รักษาความชุ่มชื้น
ผู้ชายควรดื่มน้ำ 3 ลิตรต่อวัน และผู้หญิงควรดื่มน้ำสะอาด 2 ลิตรต่อวัน การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและอ่อนนุ่ม ลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกลาย คาเฟอีนสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกลายได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำให้สมดุล โดยการดื่มชา เครื่องดื่มสมุนไพร และของเหลวอื่น ๆ ที่ไม่มีคาเฟอีน
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์
สตรีมีครรภ์ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 11-15 กก. ในระหว่างตั้งครรภ์สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินก่อนตั้งครรภ์ ควรเพิ่ม 7-11 กิโลกรัมขณะตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ควรเพิ่มขึ้นถึง 18 กิโลกรัมในระหว่างตั้งครรภ์ ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับน้ำหนักที่ควรเพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อสุขภาพพื้นฐานที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์รวมถึงการป้องกันผิวแตกลาย
ไล่รอยแตกลายออกจากชีวิตด้วยเครื่อง Pico Way
รอยแตกลาย หรือ ผิวแตกลาย (เรียกทางการแพทย์ว่า striae) เป็นรอยที่หลายคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกิดจากการยืด-ขยายตัวอย่างรวดเร็วของผิวหนังและเนื้อเยื่อ เช่น จากการตั้งครรภ์ น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้โครงสร้างคอลลาเจนถูกทำลายภาวะนี้มักเกิดในผิวหนังชั้นกลาง และมักเกิดในบริเวณที่มีไขมันสะสมมาก เช่น หน้าท้อง หน้าอก เต้านม สะดือ ต้นแขน ต้นขา สะโพก รักแร้ น่อง
คนส่วนใหญ่จะพบภาวะนี้เมื่อเด็กเข้าสู่วัยแรกรุ่น เพราะเป็นวัยที่โตขึ้นหรือเพราะเกิดจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างกะทันหันโดยที่ผิวหนังปรับไม่ทัน ผิวแตกลายก้น แตก ลาย รอยแตกลายสีแดง ในหญิงตั้งครรภ์ได้ถึง 90% เพราะครรภ์จะขยายใหญ่ขึ้นจนหน้าท้อง ต้นขาแตกลาย อาการแรกของผิวแตกลายคือผิวหนังจะมีลักษณะเป็นเส้นสีแดงหรือสีม่วง (ในระยะแรก) และจะมีสีอ่อนลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นสีขาวขุ่น (ภายหลัง) รอยแตกลายอาจหายไปตามกาลเวลา
ระบบเลเซอร์นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของโลกพร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลากหลายและตรงจุดภายในเครื่องเดียว ที่สำคัญยังคงให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด ผลข้างเคียงน้อยที่สุด สามารถจัดการเม็ดสีให้แตกตัวได้ดีที่สุด PICOWAY Laser จึงถือเป็นเทคโนโลยีที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของวงการเลเซอร์ผิวหนัง เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องการกำจัดเม็ดสีแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อิลาสตินใหม่อีกด้วย โดยไม่สะสมพลังงานความร้อนจึงไม่ส่งผลกระทบต่อผิวหนังข้างเคียง ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่าเครื่องเลเซอร์แบบเดิม แถมยังปลอดภัยได้มาตรฐานอีกด้วย
รักษาก้น แตก ลาย ด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่ได้มาตรฐาน
- รักษาด้วยทรีตเมนต์ : แบ่งเป็นกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion) / Chemical Peel (ให้ผลการรักษาประมาณ 10-20%) / การรักษาโดยใช้คลื่นวิทยุกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (ให้ผลการรักษาประมาณ 20-40%)
- รักษาด้วยวิธี Mesotherapy : ใช้เข็มเพื่อส่งยาที่กระตุ้นการรักษารอยแตกลายบนผิวหนัง รอยแตกจะจางลง
- รักษาด้วยวิธี Dermaroller : ซึ่งจะช่วยทำลายพังผืดของผิวหนังที่เป็นสาเหตุของหลุมหรือรอยต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อิลาสตินใต้ผิวหนัง ส่วนใหญ่จะใช้ร่วมกับตัวยาหรือเซรั่มบำรุงผิว แต่ต้องทำเป็นประจำทุก ๆ 2 สัปดาห์ 5-6 ครั้งติดต่อกันจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
- เลเซอร์รอยแตกลาย : เป็นวิธีการรักษาที่สามารถทำให้ปัญหาหายไปได้อย่างรวดเร็ว แบ่งเป็นเลเซอร์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับสีรอยแตกลายให้ใกล้เคียงกับสีผิวปกติ เลเซอร์ผลัดผิว หรือรักษารอยแดง การรักษาด้วยเลเซอร์สามารถรักษาได้ทั้งรอยแตกลายในระยะแรกและระยะหลัง และวิธีการรักษานี้ได้ผลประมาณ 40-60%
- รักษาด้วยวิธี Intensed Pulsed Light – IPL : เทคนิคการใช้แสงความเข้มสูงยิงบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตก วิธีนี้ได้ผลดีที่สุดกับรอยแตกที่เป็นสีในช่วงแรก ๆ ควรทำอย่างน้อย 5 ครั้ง (ห่างกันครั้งละ 2 สัปดาห์) ส่งผลให้รอยแตกลายลดลงประมาณ 30-50% ขึ้นอยู่กับระยะของรอยแตก
- รักษาด้วยวิธีการ Carboxytherapy : การฉีดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในบริเวณที่ต้องการ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับขึ้น และสลายเซลล์ไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ต้องการด้วยเทคนิคการฉีดแก๊สต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการฉีดยาเข้าชั้นผิวหนังแท้ตามรอยแยกของผิวหนัง แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ต้องทำติดต่อกันอย่างน้อย 3-5 ครั้ง ทุกๆ 1 สัปดาห์ วิธีนี้ได้ผลประมาณ 30 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจไม่ได้ผลเลยในบางกรณี
ศัลยกรรมลดรอยแตกลาย มีวิธีอะไรบ้าง ?
1.ศัลยกรรมด้วย Fractional Laser
การทำศัลยกรรมลดรอยแตกลายด้วยเลเซอร์ เป็นนวัตกรรมความงามที่ได้รับความนิยมมาก เพราะเห็นผลทันใจ สามารถทำต่อเนื่องได้ประมาณ 4-6 ครั้งเพื่อให้รอยแตกหายไป อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับประเภทของรอยร้าว ระยะเวลาที่เป็น หลักการรักษาด้วยวิธีนี้ คือ เลเซอร์จะทำให้รอยถลอกของผิวหนังเป็นรูเล็ก ๆ ตื้น ๆ ประมาณ 10%-20% ของรอยแตก จากนั้นผิวหนังจะซ่อมแซมตัวเอง เรียบเนียนและลดรอยแตกร้าวลงเรื่อย ๆ เมื่อทำอย่างต่อเนื่องผิวจะกลับมาเนียนสวยไร้รอยแตกลายในที่สุด
2.ศัลยกรรมด้วย Carboxytherapy
เป็นการผ่าตัดรักษาผิวแตกลายด้วยการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ร่างกาย เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมผิวต้องทำอย่างต่อเนื่อง 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายสูง สำหรับหลักการรักษา Carboxytherapy คือ การฉีดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในชั้นหนังแท้บริเวณที่มีรอยขาด จากนั้นเลือดและออกซิเจนบริเวณนั้นจะถูกกระตุ้น ซึ่งจะทำให้มีการไหลเวียนที่ดีขึ้น กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวเต่งตึง กระชับ และรอยแตกค่อย ๆ จางลงในที่สุด อีกทั้งการผ่าตัดลดรอยแตกลายด้วยวิธีดังกล่าวสามารถสลายไขมันส่วนเกินได้ ให้คุณมีรูปร่างที่กระชับและเพรียวบางขึ้น ใครอยากผิวสวยหุ่นดี อย่าพลาดวิธีนี้
3.ศัลยกรรมด้วยการกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี
การกรอผิวด้วยไมโครเดอร์มาเบรชั่น เป็นวิธีการลดรอยแตกลายโดยใช้หลักการกระตุ้นเซลล์ผิวชั้นนอกให้หลุดลอกออก เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนขึ้น ให้ผลดี รวดเร็วเท่ากับวิธีอื่น ๆ โดยขั้นตอนการกรอผิวเพื่อกำจัดรอยแตกลายจะใช้ผงคริสตัลขนาดเล็กที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วรอไว้บนผิวรอยแตก จะเห็นได้ว่ารอยแตกลาย ก้น แตก ลาย ค่อย ๆ จางลง ผิวนุ่มเนียนขึ้นไม่มีรอยถลอก ดังนั้นสำหรับใครที่อยากให้รอยแตกลายจางลงอย่างรวดเร็ว การกรอผิวด้วย microdermabrasion ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจเช่นกัน