เสริมก้น เสริมสะโพก เพิ่มความงามให้ได้สัดส่วนที่สาว ๆ ต้องการ

เสริมสะโพก เสริมก้น

บั้นท้ายที่สวยกลมกลึงได้รูป คือสิ่งที่สาว ๆ ทุกคนใฝ่ฝัน เพราะจะได้ใส่ชุดไหนก็ดูดี ซึ่งจะผิดกับผู้หญิงที่มีสะโพกที่แบนราบ ก้นแฟบซึ่งจะทำให้มีปัญหาหรืออุปสรรคในเรื่องของการแต่งตัว ทำให้สาว ๆ เหล่านั้นขาดความมั่นใจ การมีก้นที่แบนราบเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าบริเวณก้นก็จะมีลักษณะย่น ใส่แล้วดูไม่สวย

ในส่วนของสาว ๆ ที่มีปัญหาก้นแบนอยากมีก้นสวย กลมกลึงนั้น บางคนก็เลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการสวมกางเกมในเสริมก้น เสริมสะโพก ซึ่งจะต้องใส่ทุกวัน แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากท่านเริ่มเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อเข้ารับบริการผ่าตัดเสริมก้น เสริมสะโพกได้

ประเภทของการทำศัลยกรรมเสริมสะโพก มีแบบใดบ้าง ?

การเสริมสะโพกและเสริมก้นเป็นที่ต้องการของสาวๆ หลายคน เทคนิคการแพทย์หรือศัลยกรรมสามารถตอบโจทย์ความงามนี้ได้ สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่

1. เสริมด้วยไขมันของคุณเอง เช่น จากหน้าท้อง ต้นขา เป็นต้น การฉีดไขมันเสริมสะโพกจะต้องใช้ประมาณ 200-300 ซีซี. สิ่งนี้สามารถทำได้เฉพาะผู้ที่มีไขมันเพียงพอเท่านั้น ข้อดีของการเสริมด้วยไขมันตัวเองคือมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เพราะเป็นไขมันของเราเองร่างกายก็จะรับได้ ไม่มีผลข้างเคียงหรือผลที่ตามมาใด ๆ ได้ประโยชน์จากส่วนที่ถูกดูดออกไปด้วย

เช่น ไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง ต้นขา ก็จะลดลง และจะไม่มีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ จะมีเพียงแผลเจาะเล็ก ๆ ผู้ป่วยจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล คุณสามารถใส่กางเกงรัดสะโพกกลับบ้านได้ แต่มีข้อเสียคือ มีโอกาสที่ไขมันของเราที่ฉีดเข้าไปจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ เมื่อเวลาผ่านไป ขนาดของสะโพกอาจเปลี่ยนไปและอาจไม่พอดีกับที่เราต้องการ

2. เสริมด้วยถุงซิลิโคนซึ่งเป็นเจลซิลิโคนคุณภาพสูง ออกแบบมาเพื่อเสริมสะโพกโดยเฉพาะ ค่อนข้างแข็งแรงและเหนียว สามารถรองรับแรงกดและแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี มีความตึงตัวสูงจึงไม่เสียรูปทรงและปลอดภัย คุณสามารถเลือกขนาดให้พอดี กับสะโพกของคุณเองได้

ความแตกต่างของการเสริมก้น - เสริมสะโพก

ความแตกต่างของการเสริมก้น - เสริมสะโพก เป็นอย่างไร ?

หลายคนคงสงสัยเกี่ยวกับการเสริมสะโพก เสริมก้น เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ซิลิโคนใส่ที่ไหน ที่สำคัญมีวิธีการหรือขั้นตอนอย่างไร ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “การเสริมก้น” เป็นการเสริมด้านหลังของเนื้อก้นให้นูนขึ้น เพื่อให้มีรูปทรงกลมกลึง การผ่าตัดเสริมสะโพกเป็นการเสริมสะโพกด้านข้างผายออกมา และเพื่อให้มีส่วนเว้า ส่วนโค้ง

สำหรับการเสริมก้น เสริมสะโพก รอยแตกลายสีแดง ศัลยแพทย์แนะนำถุงซิลิโคน เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง ได้รูปทรงที่แน่นอนและสามารถกำหนดขนาดที่คุณต้องการได้ สัดส่วนเท่าไหร่ รูปทรงแบบไหน ใส่บริเวณไหน หากเกิดปัญหาสามารถผ่าตัดแก้ไขได้ ส่วนวิธีการฉีดไขมันตัวเองนั้นให้ผลไม่ถาวร เพราะไขมันสามารถสลายได้ โอกาสที่ผิวจะไม่สม่ำเสมอ เป็นก้อน ผิวไม่เรียบ กำหนดรูปทรงได้ลำบาก

ถ้าคนไข้มีก้นเยอะแต่อยากได้สะโพกที่อยู่ห่างจากด้านหลังก้นมากขึ้น ถุงซิลิโคนก็จะวางอยู่ด้านข้างมากขึ้น ถ้าคนไข้มีก้นเว้าอยู่แล้ว แต่อยากได้ก้นแบบนูนกลับ ซิลิโคนจะวางอยู่ตรงกลาง

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาแพทย์
ผ่านช่องทางไลน์ หรือโทรศัพท์

086-570-7040

สแกน QR Code เพื่อแอดไลน์

การผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน และซิลิโคนที่ใช้เป็นอย่างไร (Gluteal augmentation with implant)

เป็นการใช้ซิลิโคนสำหรับบริเวณสะโพกโดยเฉพาะ เป็นการวางซิลิโคนระหว่างชั้นของกล้ามเนื้อก้น (gluteus maximus muscle) เพื่อให้ก้นและสะโพกใหญ่ขึ้น ได้ทรงสวยขึ้น มีการจำกัดขนาดของซิลิโคนที่สามารถใส่ในบริเวณนี้ได้ ส่วนใหญ่จะประมาณ 300-360 cc. ในกรณีที่เสริมมากกว่านี้ มักจะต้องวางทับชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งจะมีผลเสียในระยะยาว เช่น ซิลิโคนจะลอยแยกออกจากเนื้อก้นทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ

เนื่องจากบริเวณสะโพกมีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหวได้มาก ซิลิโคนจึงต้องมีเปลือกหนาเพื่อรองรับแรงกดเมื่อนั่งหรือนอนราบได้มากกว่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีบริษัทจำหน่ายซิลิโคนสะโพก 3 แห่ง ได้แก่ Silimed Brazil, Sebbin France และ Motiva มีทั้งแบบทรงกลม (ช่วยยึดก้นแบนด้านข้างได้ดี) และทรงหยดน้ำ (เสริมให้ก้นดูเด้งขึ้นด้านบน ไม่ใช่ด้านข้าง) ทั้งหมดเป็นซิลิโคนผิวเรียบ

ก่อนทำศัลยกรรมเสริมสะโพก ควรรู้อะไรบ้าง

ก่อนทำศัลยกรรมเสริมสะโพก ควรรู้อะไรบ้าง ?

การเสริมสะโพกจะทำให้ผู้หญิงมีรูปร่างที่ดีขึ้น จะสวมใส่เสื้อผ้าได้ง่ายไม่ว่าคุณจะใส่อะไรก็ตาม ดังนั้นวันนี้เราจึงนำข้อมูลการผ่าตัดเสริมสะโพกมาให้ทุกท่านได้ศึกษากัน ดังนี้

ลักษณะของการผ่าตัดเสริมสะโพก ที่ดูแล้วได้รูปทรงมากที่สุดอ้างจากการศึกษาวิจัย โดยทำแบบสอบถามจากผู้ชาย 200 คนว่าชอบบั้นท้ายแบบไหน ทดสอบจากการให้ดูรูปผู้หญิงที่มีขนาดบั้นท้ายที่แตกต่างกัน ซึ่งทำการวิจัยโดย Eric Russell จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส

David Lewis พบว่าหนุ่ม ๆ หลายคนชอบผู้หญิงที่มีบั้นท้ายโค้งประมาณ 45 องศา นอกจากนี้นักวิจัยจาก Bilkent University ยังกล่าวอีกว่าผู้หญิงที่มีก้นโค้งสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยระหว่างตั้งครรภ์และลดความเจ็บปวดระหว่างคลอดได้

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาแพทย์
ผ่านช่องทางไลน์ หรือโทรศัพท์

086-570-7040

สแกน QR Code เพื่อแอดไลน์

ใครที่เหมาะกับการเสริมสะโพก เสริมก้น

  • ก้นเล็กตั้งแต่แรกเกิด อยากใส่กางเกงรัดรูปหรือบิกินีให้ดูฟิตขึ้น
  • ผู้ที่เสริมยกกระชับหน้าอกจะดูมีสัดส่วนและเซ็กซี่มากขึ้น หากได้ทำการเสริมก้นเพิ่มเข้าไปอีก เนื่องจากจะทำให้ดูมีสัดส่วนและเซ็กซี่มากขึ้น
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักมากเกินไปอาจต้องทำการเสริมก้นเพิ่มบั้นท้ายด้วย
  • คนที่มีปัญหาก้นหย่อนคล้อยตามวัย อยากเสริมเพื่อให้ดูกระชับขึ้น
  • ผู้ที่อยากใส่กางเกงรัดรูป ไม่ต้องการใส่กางเกงในเสริมก้น สามารถโชว์สะโพกได้อย่างมั่นใจ

ตำแหน่งที่วางซิลิโคนในการเสริมสะโพก

ตำแหน่งที่วางซิลิโคนในการเสริมสะโพกเป็นตำแหน่งใดได้บ้าง ?

ใต้ผิวหนัง

คือการวางถุงซิลิโคนไว้เหนือกล้ามเนื้อ ข้อดีคือสะโพกจะนูนออกมาอย่างสวยงามและไม่มีโอกาสเกิดอันตรายกับเส้นประสาทใหญ่ แต่มีข้อเสียตรงที่รูปร่างของถุงซิลิโคนอาจมองเห็นได้ชัดเจนหลังจากที่ยุบบวมไปแล้ว มีโอกาสที่ถุงซิลิโคนจะทะลุได้ในผู้ป่วยบางราย

ใต้กล้ามเนื้อหรือระหว่างกล้ามเนื้อ

การเสริมสะโพกโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อสะโพก อาจแบ่งกล้ามเนื้อส่วนบนและส่วนล่างไม่ชัดเจน ในผู้ป่วยบางรายสามารถใส่ถุงซิลิโคนระหว่างกล้ามเนื้อสะโพกทั้งสองข้างได้ การเปิดช่องระหว่างกล้ามเนื้อสะโพก 2 มัด การใส่ถุงใต้กล้ามเนื้อสะโพกมักจะมีผลเช่นเดียวกับการเปิดโพรงใต้กล้ามเนื้อ

โอกาสที่ผิวหนังจะติดเชื้อมีน้อย แต่จะมีอาการปวดหลังจากทำการผ่าตัดมากกว่า ระหว่างการผ่าตัดเปิดโพรงใต้กล้ามเนื้อต้องใช้ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อเส้นประสาทขนาดใหญ่ที่ขา เป็นวิธีที่ได้มาตรฐานมากที่สุดในปัจจุบัน

ระดับใต้พังผืดกล้ามเนื้อ

บางครั้งการเสริมสะโพกใต้กล้ามเนื้ออาจทำให้รูปร่างและสะโพกดูน้อยลง ใต้ผิวหนังอาจมองเห็นขอบถุงซิลิโคนและมีโอกาสทะลุได้ ศัลยแพทย์บางคนจึงทำการผ่าตัดโดยการเปิดรูใต้พังผืดของกล้ามเนื้อ ข้อดีของวิธีนี้คือไม่มีโอกาสเกิดความเสียหายของเส้นประสาทและมองเห็นส่วนนูนของสะโพกได้ชัดเจน สามารถเสริมด้านข้างได้แต่ยังมีปัญหากับเทคนิคในการผ่าตัดอยู่

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาแพทย์
ผ่านช่องทางไลน์ หรือโทรศัพท์

086-570-7040

สแกน QR Code เพื่อแอดไลน์

เสริมก้น เสริมสะโพก อันตรายไหม ?

การฉีดไขมันที่ก้น แตก ลายบางครั้งอาจเกิดอันตรายจนทำให้เป็นข่าว ส่วนใหญ่มาจากวิธีการเสริมก้นแบบ Brazilian Butt Lift ซึ่งต้องใช้การฉีดไขมันกล้ามเนื้อเพื่อให้กระชับ โดดเด่น และดูใหญ่โต ผลของการฉีดไขมันเข้าไปในกล้ามเนื้อทำให้ไขมันอยู่ได้นานขึ้น เพราะกล้ามเนื้อมีเส้นเลือดมาเลี้ยง เป็นเทคนิคที่ใช้เมื่อ 10 ปีที่แล้วและเคยเป็นวิธีที่ถูกมาก่อน แต่ภายหลังพบปัญหาเกี่ยวกับวิธีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อซึ่งอันตรายมาก เพราะไขมันอาจรั่วเข้าสู่กระแสเลือดจนเสียชีวิตได้ ปัจจุบันนี้การฉีดไขมันเข้าเส้นเลือดเป็นสิ่งที่ห้ามทำโดยเด็ดขาด

หลังเสริมสะโพกต้องดูแลตัวเองอย่างไร

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องทำศัลยกรรมเสริมสะโพก

  • งดรับประทานยากลุ่ม NSAID ทุกประเภท
  • งดการรับประทานอาหารเสริมทุกชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
  • งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
  • งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
  • ควรมีญาติหรือเพื่อนมารับหลังการผ่าตัด เพราะอาจมีอาการวิงเวียนศีรษะเดินเซ (ในบางคน) หลังจากได้รับยาสลบ ทางคลินิกจะไม่อนุญาตให้กลับบ้านเอง

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาแพทย์
ผ่านช่องทางไลน์ หรือโทรศัพท์

086-570-7040

สแกน QR Code เพื่อแอดไลน์

หลังเสริมสะโพกต้องดูแลตัวเองอย่างไร

  • หลังการผ่าตัด ให้สวมชุดกระชับทันทีเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งแพทย์จะให้ใส่ประมาณ 3 วันแรก ถอดได้ช่วงแล้วอาบน้ำ หลังจากนั้นให้ใส่วันละ 12 ชม. เป็นเวลา 1 เดือน
  • ก่อนกลับบ้านจะได้รับยาป้องกันอาการ ควรรับประทานยาติดต่อกันให้หมด โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อ จำเป็นต้องรับประทานให้หมด
  • หนึ่งวันหลังการผ่าตัด พยาบาลจะสอนวิธีทำแผลให้ถูกต้อง เพื่อที่จะทำเองที่บ้านได้
  • หลังจากเสริมสะโพกไปสามวันแรก แพทย์จะนัดเข้ามารับการฉีดยาแก้ปวดและยาฆ่าเชื้อ
  • แพทย์จะนัดตัดไหมหลังเสริมสะโพกไปแล้ว 7-10 วัน
  • หลังการผ่าตัดสามารถนอนหรือนั่งได้ตามปกติ เนื่องจากแพทย์จะทำการเย็บ 3 ชั้น จึงสามารถลงน้ำหนักขณะนั่งหรือนอนได้ แต่ในตอนแรก ให้วางน้ำหนักลงที่ก้นของคุณเล็กน้อยแล้วค่อย ๆ นั่งตามปกติได้ (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
  • หมอนที่คลินิกจัดให้ ควรใช้ทุก ๆ ที่ เพราะการลงน้ำหนักในช่วงแรก ต้องโน้มตัวแล้วทิ้งน้ำหนักไปที่ต้นขาเป็นหลักก่อน
  • อาการเขียวช้ำอาจเกิดขึ้นได้ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นในสองสามสัปดาห์ แต่ถ้ามีอาการปวด บวม แดง ควรไปพบแพทย์ทันที แต่โดยปกติอาการปวดจะค่อยๆ จางลง และหายไปเองใน 1-3 เดือน
  • งดออกกำลังกายช่วงเดือนแรกและสามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้ สามารถทำได้หลังจากศัลยกรรมเสริมสะโพกมาแล้วอย่างน้อย 1 เดือน
  • งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

ใส่ความเห็น