Gynecomastia คือภาวะผู้ชายมีนม เป็นอาการที่เนื้อเยื่อเต้านมของผู้ชายเกิดการขยายตัว จนบางครั้งคล้ายกับเต้านมผู้หญิง (Gyne) โดยเกิดจากการมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้เนื้อเยื่อไขมันหรือเต้านมเติบโตอย่างผิดปกติ หรืออยู่ในระดับที่ไม่สมดุลกับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่ควบคุมลักษณะความเป็นชาย
ซึ่งภาวะนี้มักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงนัก แต่อาจทำให้เจ็บหน้าอกหรือลำบากใจได้ หากไม่หายไป อาจต้องใช้ยาหรือการผ่าตัด โดยปกติแล้วภาวะ ผู้ชายมีนม Gynecomastia มักจะไม่มีอันตราย หากพบความผิดปกติ เช่น มีอาการปวด หรือเจ็บเวลากด
อาการของภาวะเต้านมโตในผู้ชาย
สัญญาณแรกของการขยายตัวของเต้านมผู้ชายคืออาจเป็นก้อนไขมันใต้หัวนม ยังทำให้หน้าอกของผู้ชายขยายใหญ่ขึ้นอีกด้วย การขยายตัวของเต้านมมักเกิดขึ้นที่เต้านมทั้งสองข้าง แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นเพียงด้านเดียว ก้อนนี้อาจทำให้เกิดอาการเสียวซ่าบริเวณเต้านม เจ็บ เจ็บ แต่ไม่ปวดรุนแรง
ภาวะเต้านมโตในผู้ชายจะมีความแตกต่างจากมะเร็งเต้านมในเพศชาย ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมโดยรวมมะเร็งเต้านมสามารถพบได้ที่บริเวณหนึ่งของเต้านม แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่บริเวณหัวนมเสมอไป รวมทั้งเต้านมโตเร็วด้วย หากเต้านมโตและมีอาการผิดปกติ ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ในกรณีของ Gynecomastia ผู้ชายมีนมจะไม่มีอันตราย เพียงแต่จะสร้างความรำคาญ และความไม่มั่นใจเท่านั้นเอง แต่หากใครมี เต้านมโตผิดปกติ ร่วมกับมีอาการอื่น ๆ แทรกซ้อน ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน เพื่อป้องกันการเกิดเนื้อร้าย หรือ มะเร็งเต้านม
สาเหตุ ภาวะเต้านมโตในผู้ชาย
ภาวะนี้มักเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ซึ่งควบคุมความเป็นผู้หญิง และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนซึ่งควบคุมความเป็นชายฮอร์โมนทั้งสองนี้สามารถพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง แต่คนจะมีฮอร์โมนเพศตรงข้ามน้อยลง และเมื่อผู้ชายมีฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตรเจนในร่างกาย จะสูงเกินไปหรือไม่สมดุลกับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน สิ่งนี้ทำให้เกิด Gynecomastia
- ความผิดปกติดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติในช่วงวัยเหล่านี้
- พบว่ามากกว่าครึ่งของทารกแรกเกิดมีหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้น อาการมักจะหายไปหลังจากสองถึงสามสัปดาห์
- อาการวัยแรกรุ่นมักเกิดขึ้นระหว่างอายุ 12-14 ปี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายของผู้ชาย อาการมักจะหายไป 6-24 เดือนหลังวัยแรกรุ่น
- ชายวัยกลางคนเป็นช่วงอายุที่พบบ่อยที่สุด
- ที่พบมากที่สุดคือฮอร์โมนที่ฉีดเข้าไปเร่งการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อในผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับการสร้างกล้ามเนื้อ ฮอร์โมนเหล่านี้เมื่อฉีดเข้าไปมากเกินไปสามารถเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในตับและกระตุ้นเต้านมให้โตได้
- เกิดจากการกินอาหารที่มีฮอร์โมนกระตุ้น
- เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม (Klinefelter Syndrome)
- ความอ้วนทำให้เกิดการสะสมของไขมัน
นอกจากนี้ อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ได้ เช่น
การใช้ยาบางชนิด เช่น
- ตัวอย่างเช่น finasteride ใช้รักษาต่อมลูกหมากโต และฮอร์โมนเอสโตรเจนไปกดฮอร์โมนแอนโดรเจน เพื่อรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ฯลฯ
- ยารักษากระเพาะ เช่น ซิเมทิดีน และสารยับยั้งโปรตอนปั๊ม ใช้เพื่อบรรเทาอาการของกรดไหลย้อน
- ยาที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อ เช่น คีโตโคนาโซล ใช้รักษาการติดเชื้อรา และเมโทรนิดาโซลที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น
- ยารักษาความดันโลหิต เช่น เมธิลโดปา แคลเซียมแชนเนลบล็อกเกอร์ สารยับยั้ง ACE เป็นต้น
- ยาคลายกังวัลอย่างยาไดอะซีแพม และยาต้านเศร้ากลุ่มไตไซคลิก
- ยาอื่น ๆ เช่น anabolic androgenic steroids ซึ่งเป็นยาฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสังเคราะห์ Digitoxin ยาต้านไวรัส HART หรือเคมีบำบัด เป็นต้น
ความเจ็บป่วยบางอย่างอาจทำให้ความสมดุลของฮอร์โมนได้รับผลกระทบ ซึ่งจะทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลงต่ำเกินไปหรือมีเอสโตรเจนมากเกินไปเช่น โรคอ้วน ภาวะขาดสารอาหาร โรคตับแข็ง โรคไตเรื้อรัง ไทรอยด์เป็นพิษ เนื้องอกบางชนิด อย่างเนื้องอกบริเวณลูกอัณฑะ เนื้องอกต่อมหมวกไต หรือเนื้องอกต่อมใต้สมอง กลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ กลุ่มอาการชีแฮน อาการบาดเจ็บหรือติดเชื้อที่ระบบสืบพันธุ์เพศชาย เป็นต้น
นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าสมุนไพรอย่างน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ หรือน้ำมันสกัดจากต้นชาที่เป็นส่วนผสมในสบู่ ยาสระผม โลชั่น หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ อาจทำให้เกิดภาวะ Gynecomastia อย่างไรก็ตาม ไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดว่าสมุนไพรเหล่านี้สามารถทำให้เกิดภาวะนี้ได้ แอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอาจส่งผลต่อสภาวะ เช่น แอมเฟตามีน กัญชา เฮโรอีน หรือเมทาโดน
Gynecomastia รักษาหน้าอกผู้ชาย
การรักษา gynecomastia มีสองประเภทขึ้นอยู่กับสาเหตุ แพทย์จะต้องตรวจสอบปัญหาก่อนเพื่อดูว่าสาเหตุของปัญหาคืออะไร
- นมแหลม จากไขมัน (Pseudo-gynecomastia)
การรักษาจะเป็นการลดไขมัน ทั้งการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก หรือการดูดไขมัน การดูดไขมันเป็นการดูดไขมันรอบหน้าอกเพียงอย่างเดียว แผลมีขนาดเล็ก เลเซอร์สามารถทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดแผลเป็น ยังฟื้นตัวเร็ว ไม่เจ็บ และใช้ยาชาอย่างเดียวก็พอ
- นมแหลม จากเนื้อเยื่อเต้านมและไขมัน (True Gynecomastia)
อาจใช้เครื่องมืออื่นในการตรวจ เช่น อัลตราซาวนด์
การรักษาภาวะผู้ชายมีนม
การรักษาโดยการใช้ยา
ยาฮอร์โมนทดแทน ซึ่งใช้ได้ผลดีกับผู้สูงอายุที่มีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ ยาเสริมเช่น tamoxifen ซึ่งช่วยลดขนาดของหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้น แต่ยานี้ไม่สามารถกำจัดเนื้อเยื่อเต้านมที่ขยายใหญ่ออกได้ทั้งหมด ยานี้มักใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดหรือรุนแรง Clomiphene อาจใช้ในการรักษา แต่จะใช้ต่อเนื่องไม่เกินหกเดือน
รักษาโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดผู้ชายมีหน้าอกจะทำได้ก็ต่อเมื่อวิธีการรักษาแบบอื่นไม่ได้ผล ผู้ป่วยมีอาการปวดเต้านมอย่างรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อเต้านมส่วนเกินออก ซึ่งทำได้ 2 วิธีคือ
- การผ่าตัดดูดไขมัน เป็นการผ่าตัดเพื่อดูดเอาไขมัน ที่เต้านมออกมา
- การผ่าตัดเนื้อเยื่อเต้านม เป็นการผ่าตัดเอาต่อมเนื้อเยื่อที่เต้านมออกไป
รอยแผลเป็นจะสังเกตเห็นได้หรือไม่? แผลผ่าตัดอยู่ที่ไหน?
ในการดูดไขมัน แผลจะอยู่ที่รักแร้ ทำให้สามารถซ่อนบาดแผลได้ แต่ถ้าต้องเอาต่อมน้ำนมออกพร้อมกับแผลผ่าตัด แพทย์จะทำการผ่ากรีดบริเวณปาน ให้พรมแดนเป็นระนาบด้วยกัน เพื่อว่าเมื่อแผลหายดีแล้ว แผลจะสังเกตยากกว่าที่อื่น
หลังผ่าตัดนม / ดูดไขมันนม จะเข้าที่ประมาณกี่วัน
แนะนำให้รอประมาณ 1 เดือนหลังการผ่าตัดเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน ในช่วงเวลานี้จะยังคงมองไม่เห็นอาการบวมจากการผ่าตัด
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดลดขนาดเต้านมชาย
- แพทย์จะฉีดยานอนหลับ คุณต้องอยู่ที่คลินิกเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมงหลังทำหัตถการ
- หลังผ่าตัด 1 วัน มาคลินิกเปิดผ้าพันแผลทำแผล และหากมีท่อระบายน้ำเหลืองออกในวันที่ 2-3 หลังการผ่าตัด หากมีเลือดออกผิดปกติให้แจ้งแพทย์ทันที
- แพทย์จะตัดไหมประมาณ 7 วันหลังผ่าตัด
- ต้องใช้ผ้าพันแผลรอบหน้าอกประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อป้องกันเลือดออกและบวมมากเกินไป ซึ่งจะคงอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน
การหลีกเลี่ยงปัจจัยดังต่อไปนี้ เพื่อการป้องกันภาวะผู้ชายมีนม
- สังเกตสิ่งผิดปกติในบริเวณเต้านมของคุณ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เต้านมโตได้
- คุณควรถามแพทย์ว่าคุณสามารถใช้ยาอื่นแทนได้หรือไม่
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ
- ความคุมอาหาร และออกกำลังกายอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ไขมันสะสม
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะผู้ชายมีนม
แม้ส่วนใหญ่อาการเต้านมโตในผู้ชายจะหายไปได้เองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ผู้ป่วยก็อาจมีอาการแทรกซ้อนดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยอาจรู้สึกเขินอายเมื่อหน้าอกโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่หน้าอกของพวกเขาถูกเปิดเผย เช่น เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องล็อกเกอร์ ว่ายน้ำ อาบน้ำสาธารณะ ฯลฯ นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวอาจทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน จนเกิดความเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้าได้
- แผลเป็น หากผู้ป่วยมีเต้านมโตเกิน 1 ปีขึ้นไป อาจเกิดแผลเป็นได้ ซึ่งอาจต้องผ่าตัดเอาแผลเป็นออก
การป้องกันภาวะผู้ชายมีนม
การหลีกเลี่ยงปัจจัยต่อไปนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด gynecomastia
- สังเกตสิ่งผิดปกติในบริเวณเต้านมของคุณ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เต้านมโตได้
- หากคุณกำลังใช้ยาใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการนี้ ให้ปรึกษาแพทย์ว่าคุณสามารถใช้ยาอื่นแทนได้หรือไม่
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด