ถุงใต้ตา (Eye bags) เป็นไขมันใต้ตาที่มีลักษณะเป็นถุงบวมใต้เปลือกตาล่าง ซึ่งปกติถูกแล้วจะถูกปิดกั้นโดยกล้ามเนื้อเปลือกตาล่าง เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อเปลือกตาจะทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้ไขมันใต้ตาปูดออกมา ทำให้ผิวใต้ตาไม่เรียบตึง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดเงา ร่อง และรอยคล้ำใต้ตา ตลอดจนผิวหนังหย่อนคล้อยและริ้วรอย ผิวหนังใต้ตาอาจดูอ่อนล้า แก่ และอ่อนล้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่หลายคนเลือกทำศัลยกรรมถุงใต้ตาเพื่อรักษาถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อยหรือดำคล้ำ ถ้าถุงใต้ตาบวมมาก เกิดจากอะไร ถุงใต้ตา บอกโรค อะไรได้บ้างลองมาดูกัน
ถุงใต้ตาบวม เกิดจากอะไร
- พันธุกรรม เป็นลักษณะที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ซึ่งต่อมไร้ท่อจะผลิตและหลั่งฮอร์โมนที่ควบคุมการไหลของของเหลวภายในร่างกาย เช่น ไขมัน น้ำเหลือง หรือเลือด เป็นต้น หากการทำงานของต่อมไร้ท่อไม่ปกติ ไขมันอาจสะสมบริเวณใต้ตามากเกินไป ซึ่งจะเห็นได้จากดวงตาที่มีถุงใต้ตาตั้งแต่อายุยังน้อย
- อายุมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างผิวหนังและกะบังของเปลือกตาล่างจะอ่อนแอลง ทำให้ถุงไขมันใต้ตาหย่อนคล้อย จะบวมและยื่นออกมาจนถุงใต้ตาบวมและยื่นออกมา บวกกับผิวใต้ตาที่หย่อนคล้อยและผิวที่บางลงตามอายุจึงมองเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ และผิวใต้ตาคล้ำลึกอย่างเห็นได้ชัด
- ภูมิแพ้ ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้มักทำให้หลอดเลือดบริเวณดวงตาขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งทำให้ผิวหนังใต้ตาบวม ถุงใต้ตา และรอยคล้ำใต้ตา นอกจากนี้การแพ้ยังทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองรอบดวงตา ผู้ที่เป็นภูมิแพ้อาจเผลอขยี้ตาหรือขยี้ผิวรอบดวงตาเป็นประจำ ส่งผลให้เม็ดสีผิวเพิ่มจำนวนขึ้น ผิวใต้ตาจะบวมและดูหมองคล้ำตลอดเวลา
- อดนอน การอดนอน พักผ่อนน้อย หรือความเครียดในชีวิตประจำวันส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต อาจทำให้หลอดเลือดตีบตันหรือเลือดสูบฉีดได้ไม่ดี ทำให้เลือดไม่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย แต่จะเป็นเฉพาะบริเวณใต้ตาเท่านั้น ทำให้ผิวใต้ตาคล้ำขึ้นเพื่อให้เห็นถุงใต้ตาได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้พฤติกรรมอดนอนยังส่งผลให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ ซึ่งทำให้ผิวอ่อนแอ ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย ที่ทำให้ผิวใต้ตาหมองคล้ำจนสังเกตเห็นถุงใต้ตาได้ง่ายขึ้น
- โรคบางชนิด ถุงใต้ตา บอกโรคบางโรคได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคไต ความดันโลหิตสูง อาจทำให้มีน้ำในร่างกายมากกว่าปกติ ทำให้เปลือกตาบวมหรือถุงใต้ตาบวม แต่หากสามารถควบคุมอาการของโรคหัวใจ โรคไต หรือความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ก็จะทำให้อาการบวมน้อยลง
ปัญหาถุงใต้ตาดำกับขอบตาดำ เกิดจากสาเหตุเดียวกันหรือไม่
ถุงใต้ตา เกิดจากถุงไขมันใต้ตาที่บวม โดยปกติไขมันบริเวณนี้จะมีกล้ามเนื้อเปลือกตาล่าง และมีพังผืดยึดผิวหนังไว้บางส่วน แต่เมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อเปลือกตาส่วนนี้จะอ่อนแรงลง ทำให้ไม่สามารถรองรับถุงไขมันใต้ตาได้อีกต่อไป จนทำให้ถุงใต้ตาบวม และยื่นออกมา ถุงใต้ตาเริ่มหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด วิธีรักษาถุงใต้ตา หรือวิธีลดถุงใต้ตาอย่างตรงจุด คือ ศัลยกรรมถุงใต้ตา สำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาดำ ขอบตาดำ หรือเหงื่อออกเท้า เกิดจากภูมิแพ้ หรือคนที่ชอบขยี้ตาบ่อย ๆ หรือแสงแดด ก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา
หากคุณโดนแสงแดดบ่อย ๆ ผิวใต้ตาของคุณอาจบางลง ทำให้เห็นเส้นเลือดดำใต้ตาได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือระบบไหลเวียนโลหิตไม่ดี กรณีนี้อาจแก้ไขขอบตาดำได้ หรือลดรอยคล้ำใต้ตาได้ในเบื้องต้นด้วยการดูแลผิวรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอและพยายามลดความเครียดในชีวิตประจำวัน ก็จะช่วยให้อาการใต้ตาดำดีขึ้นได้
กู้ถุงใต้ตาให้กลับมาสวย เรียบเนียน มีวิธีอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด
รักษาด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ
- แตงกวาแช่เย็น แตงกวามีโพลีฟีนอล (Polyphenols) ที่ช่วยขับน้ำส่วนเกินในร่างกาย ลดอาการบวม และยังมีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลของน้ำในร่างกาย
- เกลือละลายในน้ำอุ่น เนื่องจากเกลือมีความชื้นสูง แนะนำให้คุณใช้สำลีก้อนชุบน้ำเกลือ จากนั้นจึงนำมาประคบที่ดวงตาซึ่งจะช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น
- ไข่ขาว นอกจากมีกรดอะมิโนที่จำเป็นแล้ว ไข่ขาวยังช่วยสร้าง ฟื้นฟู และซ่อมแซมกล้ามเนื้อ อาหารโปรตีนเหล่านี้ยังช่วยให้ผิวรอบดวงตากระชับและเต่งตึงอีกด้วย
- มันฝรั่งดิบ เพราะมันฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินมากมาย มีวิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค และน้ำ จึงช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา นอกจากนี้ยังทำให้สีผิวดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด
- นมสดแช่เย็น นมสดที่เราดื่มเป็นประจำสามารถช่วยบำรุงสายตาได้ ใช้รักษาถุงใต้ตาได้ด้วย โดยให้คุณนำสำลีแช่นมสดเย็นแล้วประคบที่ดวงตาเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถช่วยลดอาการบวมและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตาได้อย่างง่ายดาย
- ถุงชาแช่เย็น ชามีคาเฟอีนและแทนนินที่ช่วยลดการอักเสบ ลดอาการบวม และทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
รักษาด้วยวิธีทางการแพทย์
- การผ่าตัดถุงใต้ตา: เป็นวิธีการกำจัดถุงใต้ตาที่บวมออกโดยการกรีดด้านนอก เหมาะสำหรับผู้สูงวัยหรือผู้ที่มีผิวหนังส่วนเกินรอบดวงตามาก การผ่าตัดถุงใต้ตาจะอยู่บริเวณใต้ตาล่าง ข้อควรระวัง: อาจมีอาการบวมจากการผ่าตัดเปลือกตา นั่นเป็นเพราะระหว่างการผ่าตัดจะมีการกรีดหนังตา
- การดูดไขมันใต้ตา: วิธีนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะเป็นการดูดไขมันใต้ตา ทำให้ไขมันบริเวณนั้นหายไปอย่างถาวรหลังทำทันที อีกทั้งยังเป็นการรักษาที่ทำให้บวมน้อย ช้ำน้อย แผลเล็กอีกด้วย
- Thermage ใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อให้ความร้อนแก่ผิวหนังหรือบริเวณกล้ามเนื้อส่วนบน จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและกระชับผิวรอบดวงตาให้ดูอ่อนเยาว์และสดใสยิ่งขึ้น
- อัลตราซาวนด์เป็นหนึ่งในเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก สามารถกระตุ้นผิวหนังใต้ชั้น SMAS ให้เต่งตึงขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดปริมาณไขมันบริเวณถุงใต้ตาบางส่วนได้อีกด้วย
- การฉีดฟิลเลอร์ หรือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิค แอซิด (HA) ที่มีความปลอดภัยสูง สลายได้เองไม่ตกค้างในร่างกายและคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาบริเวณถุงใต้ตาเพื่อให้ผิวบริเวณนี้ดูเรียบเนียน อิ่มน้ำ และลดขนาดของถุงใต้ตา
วิธีการรักษาถุงใต้ตา ด้วยการตัดถุงใต้ตา รักษาอย่างตรงจุด
ถุงใต้ตา บอกโรคกับการกำจัดถุงใต้ตาด้วยเทคนิคการขจัดไขมันส่วนเกินใต้ตา เพื่อให้ผิวใต้ตาเรียบเนียนตึง ใต้ตาไม่ลึก และตัดผิวหนังส่วนเกินบริเวณใต้ตาออกเพื่อให้ผิวเรียบเนียนกระชับ ด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดเฉพาะที่มีความแม่นยำสูง ไม่มีอาการบวมช้ำหลังการผ่าตัด แผลผ่าตัดเรียบ ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เทคนิคการลบถุงใต้ตานี้มี 2 แบบ ซึ่งเหมาะกับคนไข้แต่ละคน
- เลเซอร์ตัดถุงใต้ตาไร้แผล
เทคนิคกำจัดถุงใต้ตา ไขมันส่วนเกินใต้ตา จากด้านในเปลือกตา โดยใช้วิธีการเปิดแผลขนาดเล็กบริเวณขอบตาล่าง ทำให้ไม่เกิดบาดแผลที่ผิวหนังชั้นนอก เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงไขมันใต้ตาตั้งแต่อายุยังน้อย หลังทำไม่มีอาการบวมช้ำ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถล้างหน้าได้ตามปกติ เพราะไม่มีแผล ไม่มีต้องพักฟื้น
- ตัดถุงใต้ตาและหนังตาส่วนเกินให้ตึง
เทคนิคขจัดถุงใต้ตาและผิวหนังส่วนเกินใต้ตาให้เต่งตึง เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อย คอเหี่ยว รวมทั้งมีไขมันสะสมบริเวณขอบตาล่างในปริมาณที่เหมาะสม ด้วยการซ่อนแผลผ่าตัดไว้ใต้แนวขนตาโดยตรง ทำให้ผิวใต้ตาเรียบเนียนกระชับขึ้น และแผลผ่าตัดดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงได้