ปัญหาคอเป็นชั้น หรือเป็นปล้องเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กับน้ำหนักตัวเท่านั้น คนที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนอาจมีโอกาสเจอปัญหานี้มากกว่า แต่คนผอมหรือมีน้ำหนักปกติก็สามารถเกิดปัญหาคอเป็นชั้นหรือปล้องได้เช่นกัน ปัญหาคอเป็นชั้นหรือปล้องเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ เช่นการทำงานที่ต้องใช้คอเป็นประจำ เช่น ทำงานที่ต้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การนอนหลับในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นต้น
การมีน้ำหนักเกินที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาคอเป็นปล้อง เป็นเรื่องที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ในสังคม แต่จริง ๆ แล้วคนที่ผอมหลายคนก็สามารถพบปัญหานี้ได้ การมีความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักกับปัญหาคอเป็นปล้องยังไม่ชัดเจน ปัจจัยอื่น ๆ เช่น กระบวนการเกิดของไขมันบริเวณคอ โครงสร้างกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น และปัจจัยสุขภาพอื่น ๆ อาจมีผลในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาบอกว่าคอเป็นปล้องหรือเป็นชั้นนั้นมีที่มาจากอะไร
คอเป็นชั้น หรือเป็นปล้อง เกิดจากอะไร ?
คอเป็นปล้องมีสาเหตุหลักมาจากการสะสมไขมันส่วนเกินในบริเวณนั้น เมื่อคอเป็นปล้องแบบนี้ ลักษณะที่เห็นได้ชัดเจนคือคอจะดูอวบอิ่ม และถูกเนื้อนิ่ม ๆ เมื่อสัมผัส ส่วนใหญ่เกิดจากการสะสมไขมันใต้ชั้นผิวหนังหรือไขมันที่อยู่ด้านบนกล้ามเนื้อลำคอ ที่เรียกว่าไขมันใต้ผิวหนังบริเวณลำคอหรือ Subcutaneous/Pre-Platysmal Fat และสาเหตุที่ไขมันสะสมนี้เกิดจากอาหารที่เราบริโภคเข้าไปนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง อาหารที่มีปริมาณแป้งและน้ำตาลสูง รวมถึงอาหารที่มีแคลอรีสูง ที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ไขมันสะสมได้ในจุดต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงบริเวณลำคอและเหนียงอีกด้วย
อีกหนึ่งกรณีที่อาจเกิดขึ้นได้คือเมื่อกล้ามเนื้อลำคอที่เรียกว่า Platysma อ่อนแอลง ซึ่งจะทำให้ใบหน้าและลำคอดูหย่อนคล้อยลงมา และมักจะเกิดรอยพับหรือเส้นบนลำคอ รวมถึงเกิดลักษณะคอเป็นชั้นหรือคอเป็นปล้องด้วย ในทางกล้ามเนื้อลำคอ (Platysma) จะทำหน้าที่เมื่อเราเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณลำคอพร้อมกับดึงมุมปากไปด้านข้างและลงด้านล่าง หรือเพียงแค่ลองเช็คด้วยตนเอง โดยการออกเสียง “อี” แล้วแหงนหน้ามองสู่เพดาน จะสังเกตเห็นเส้นเล็ก ๆ ที่เป็นกล้ามเนื้อลำคอโผล่ออกมาจากด้านข้างทั้งสองข้าง
ปัญหาที่เกี่ยวกับคอที่เป็นปล้องและคอที่เป็นชั้นเป็นปัญหาที่พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องไขมันบริเวณคอและเหนียงใต้คางที่มีความยากที่สุดในการลด เนื่องจากตำแหน่งนี้มีความยากที่จะออกกำลังได้น้อยกว่าบริเวณอื่น ๆ นั่นเองทำให้ไขมันบริเวณคอเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ยากในการลดลงเมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆ หลายคนจึงเสียความมั่นใจ เป็นไปได้ว่าบางคนมีความสูงและมีรูปร่างที่ดีทั้งร่างกาย แต่คอและเหนียงใต้คางยังคงมีไขมันสะสมอยู่ซึ่งทำให้คอดูสั้นและไม่เข้ากับรูปร่างโดยรวม
แก้ปัญหาคอเป็นชั้นด้วยตัวเอง ยังไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม
ทาครีมกันแดดที่หน้าอย่าลืมทาที่ลำคอ
ผู้เชี่ยวชาญได้ชี้แนะว่าการใช้ครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดสัญญาณของริ้วรอยที่ปรากฏบนผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม สำหรับผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่เหมาะสมควรมีค่า SPF อย่างน้อย 30 เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่ดีที่สุดในชีวิตประจำวันของคุณ นอกจากนี้คุณควรทาครีมกันแดดซ้ำใหม่อย่างน้อยทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้รักษาการปกป้องผิวหนังได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้คุณได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากคุณสมบัติการป้องกันแสงแดดของครีมกันแดดที่ใช้
เลิกสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกระบวนการแก่ก่อนวัยขึ้นได้ ควันบุหรี่ที่สูดเข้าไปในร่างกายมีผลกระทบต่อคอลลาเจนและนิโคติน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้หลอดเลือดหย่อนและอ่อนตัว ผลจากนี้ก็คือผิวหนังที่ได้รับออกซิเจนน้อยลง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการแก่ก่อนและมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ใช้หมอนให้พอดีกับศีรษะ ปรับท่าการนอน
การนอนใช้หมอนที่มีความสูงที่เหมาะสมสามารถช่วยลดการเกิดรอยพับย่นบนผิวคอได้
ก้มดูมือถือ คอต้องไม่ต่ำเกินไป
การใช้มุมที่เหมาะสมในการมองหน้าจอมือถือช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยบนผิวคอและลดการพับย่นของผิวหนังได้
ทาครีมบำรุงที่คอ
การทาครีมลงบนลำคอจะมีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากมันช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังช่วยลดการเกิดริ้วรอยลงได้ นอกจากนี้ยังสามารถปกป้องผิวจากการเกิดรอยย่นในอนาคตได้อีกด้วย
ดูดไขมันร่วมกับ J Plasma แก้คอย่นเป็นชั้นได้
สาเหตุของคอเป็นปล้องและคอเป็นชั้นเกิดจากการสะสมไขมัน สำหรับการแก้ไขปัญหานี้จะต้องใช้วิธีการดูดไขมันออก หรือที่เรียกว่า “ดูดไขมันเหนียง” หากคอมีลักษณะปล้องแบบก้อนเดียว หมายถึงมีไขมันส่วนเกินอย่างเดียว จะสามารถใช้วิธีดูดไขมันเพียงวิธีเดียวก็เพียงพอแล้ว ในกรณีที่คอเป็นปล้องหลายชั้นมักเกิดร่วมกับผิวหนังหย่อนคล้อย แพทย์จะแนะนำให้ทำการดูดไขมันพร้อมกับกระชับผิวหนังโดยใช้เทคนิค J Plasma โดยไม่ต้องเปิดแผลใหม่ วิธีการนี้จะใช้ตำแหน่งแผลเดียวกับที่ดูดไขมันได้โดยตรง
กระบวนการ J Plasma นั้นเป็นการใช้พลังงานจากฮีเลียมพลาสมา (Helium Plasma) ซึ่งเป็นก๊าซที่มีความเย็น ร่วมกับพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency: RF) ซึ่งพลังงานความร้อนจากคลื่น RF จะช่วยกระตุ้นให้เส้นใยที่ทำหน้าที่ยึดผิวหนัง (FSN) หดตัว หลังจากนั้นเกิดการปล่อยความเย็นจากพลังงานฮีเลียมพลาสมา ทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ ไม่เกิดการทำลายเนื้อเยื่อหรือเส้นประสาทข้างเคียง และไม่เกิดการไหม้ที่ชั้นผิวหนัง
ฉีดสารโบทูลินั่มท็อกซิน ช่วยเรื่องคอย่น
สำหรับเคสที่พบปัญหาคอเป็นปล้องหรือคอเป็นชั้นที่เกิดจากกล้ามเนื้อลำคอหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าและลำคอหย่อนลงมา หากเป็นกรณีแบบนี้ แพทย์จะพิจารณาแก้ไขด้วยการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซิน เพื่อเสริมสร้างการยกกรอบใบหน้าและลำคอขึ้นไป วิธีนี้เป็นการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินลงไปที่กล้ามเนื้อลำคอชื่อ Platysma เพื่อกระตุ้นกระบวนการลดความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อดังกล่าว
หลังจากทำการฉีดสารบางส่วนลงในบริเวณลำคอ กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นจะถูกกระตุ้นให้ตึงขึ้น ซึ่งจะป้องกันไม่ให้มันส่งผลกระทบต่อใบหน้าและลำคอที่จะเกิดการหย่อนคล้อยหรือตกลงมาได้ อย่างไรก็ตาม ปริมาณของตัวยาที่ใช้จะมีอยู่ที่ประมาณ 30-50 ยูนิต (การใช้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์และปัญหาที่แตกต่างกันในแต่ละกรณี) หลังจากที่ฉีดแล้ว เราจะสังเกตเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์ และผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ในช่วงประมาณ 3-4 เดือน หลังจากนี้คนไข้ยังสามารถทำการฉีดซ้ำต่อเนื่องได้ในภายหลัง
วิธีป้องกันไม่ให้คอเป็นปล้องหรือเป็นชั้น
หลายคนสงสัยว่าหลังจากดูดไขมันที่คอหรือที่เหนียงออกไปแล้ว คอเป็นชั้นหรือเป็นปล้องจะกลับมาได้อีกหรือเปล่า หมอตอบได้เลยว่ามีสิทธิ์ หากเราไม่ดูแลตัวเองหลังทำการรักษา พวกไขมันสะสมและผิวหย่อนคล้อยก็จะกลับมากวนใจได้อีกแน่นอน ดังนั้นหลังจากลดไขมันที่คอไปแล้ว เราต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้คอเป็นปล้อง คอเป็นชั้น กลับมาเยือนได้อีกครั้ง โดยการปฏิบัติตัวดังนี้:
- ต้องควบคุมอาหาร โดยทำการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน แป้ง และน้ำตาล
- หลังดูดไขมันที่คอ จะต้องสวมใส่ผ้ารัดเหนียง ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- หลังจากที่ได้ทำการดูดไขมันที่คอออกไป 1 เดือนแล้ว ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย
- ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ก้ม ๆ เงย ๆ บ่อยเกินไป
- เข้ารับบริการดูแลรักษาหลังการดูดไขมัน ตามที่คลินิกได้จัดไว้ให้
สรุป
คอเป็นชั้น นั้นอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง การดูดไขมันและฉีดสารโบทูลินั่มท็อกซินอาจช่วยลดความหนาแน่นของไขมันและเปลี่ยนรูปร่างของคอได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยง ควรเข้าพูดคุยและปรึกษากับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำและข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการใด ๆ ซึ่งเราขอแนะนำ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ สถานบริการพยาบาลที่มีแพทย์ชำนาญการคอยให้บริการ ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดและความปลอดภัย เพราะที่นี่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งพัฒนาเทคนิคและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเสมอ มั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการจะได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด