ดูดไขมันเหนียงหรือการดูดไขมันใต้คาง (Chin & Jowls Liposuction) คือ กำจัดเหนียงใต้คางด้วยการดูดไขมันออกตรงจุดทำให้หน้าดูเรียวขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ เรียกว่าดูดไขมันใต้คางก็ได้เพราะไขมันเหนียงที่เราดูดนั้นอยู่ใต้คาง และในกรณีที่มีเหนียงสะสมมากก็จะมีลักษณะคางสองชั้นขึ้น ทำให้เหนียงมองเห็นได้ชัดเจน ทำให้เราเสียความมั่นใจ สาเหตุของเหนียงใต้คางเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุ สภาพผิว พันธุกรรม โครงสร้างใบหน้า (คางสั้น) นิสัยการใช้ชีวิต กล้ามเนื้อใต้คาง และไขมันสะสม
การดูดไขมันเหนียงเป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดเหนียงหรือลดไขมันใต้คางโดยตรง สามารถช่วยแก้ปัญหาคนมีคางสองชั้น คางหนาได้ แพทย์ที่รัตตินันเมดิคอลเซ็นเตอร์จะใช้เทคนิค NeckTite + PALและใช้ยาชาเฉพาะจุด การดูดไขมันใต้คางทำให้โครงหน้าของคุณกลับมาเรียวและคมชัดมากขึ้น เมื่อมองที่ด้านข้างของใบหน้า จะแสดงเส้นโค้งเว้าระหว่างคางและลำคอ นอกจากนี้ยังสามารถขจัดปัญหาคางสองชั้นได้อีกด้วย
Contents
คางสองชั้น/เหนียงเกิดจากอะไร ?
ปัจจัยที่แตกต่างกันในแต่ละกรณีเหล่านี้ทำให้วิธีการกำจัดเหนียงใต้คางแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจจะเหมาะกับการดูดเหนียง หรือบางคนอาจจะเหมาะกับการยกกระชับเหนียงซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์เป็นหลัก อันดับแรก มาดูรายละเอียดของแต่ละปัจจัยกันก่อน มันทำให้เกิดเหนียงใต้คางได้อย่างไร
- ไขมันส่วนเกิน การรับประทานอาหารมากกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันไม่หมด ซึ่งจะไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน และต้นขา ฯลฯ ไม่เว้นแม้แต่เหนียงใต้คาง ซึ่งยิ่งเหนียงมากขึ้นก็อาจเกิดจากการขยายตัวของเซลล์ไขมันได้เช่นกัน บางคนมีปัญหาเหนียงใต้คางโดยไม่รู้ตัว
- ความหย่อนคล้อย บริเวณใต้คางของเราซึ่งมักจะก้มเงยอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผิวหนังใต้คางสูญเสียความยืดหยุ่นและหย่อนยานเมื่อมีไขมันใต้คาง มันจะทำให้เหนียงดูชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ความหย่อนคล้อยของเหนียงยังเกิดจากปัจจัยด้านอายุอีกด้วย เพราะร่างกายของเราจะเริ่มผลิตคอลลาเจนน้อยลงเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไปเมื่อการผลิตคอลลาเจนไม่เพียงพอ ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่น ใบหน้าที่เคยตึงสวยก็ค่อย ๆ หย่อนคล้อย
- กล้ามเนื้อหย่อนคล้อย บริเวณใบหน้าส่วนล่าง ตรงไปที่ลำคอ และยาวไปถึงบริเวณไหปลาร้า จะเป็นบริเวณที่มีกล้ามเนื้อ Platysma อยู่ เมื่อเราอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อ Platysma จะอ่อนตัวลง ควบคู่ไปกับแรงโน้มถ่วงของโลก มันจะทำให้ส่วนนี้ของใบหน้าของเราหย่อนคล้อย มันเลยทำให้เราดูเหมือนเหนียงเยอะ ถึงแม้เราจะไม่มีไขมันใต้คางมากนัก แต่ในกรณีนี้ อาจรักษาได้ด้วยการผ่าตัดยกกล้าม แทนที่จะดูดไขมันก็ทำได้
- พฤติกรรมการใช้ชีวิตอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดหนียงใต้คางก็คือ พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา เช่น การไม่ออกกำลังกาย การลดน้ำหนักผิดวิธี การเอียงศีรษะบ่อย ๆ การดื่มน้ำน้อย และการดื่มแอลกอฮอล์มาก สูบบุหรี่บ่อยและนอนไม่พอ ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ไขมันสะสมได้ง่ายและผิวสูญเสียความยืดหยุ่น
- เหนียงหรือคางสองชั้นที่เกิดจากต่อมน้ำลายโต ทั้งนี้เนื่องจากต่อมน้ำลายใต้คางหรือที่เรียกว่าต่อมใต้สมอง (sub mandibular gland) จะขยายออกทั้งสองข้างจนขยายออก การฉีดโบท็อกซ์หรือการผ่าตัดเอาบางส่วนออกเป็นทางเลือกสำหรับการผ่าตัดต่อมน้ำลาย ยังคงเป็นข้อถกเถียงในวงการการทำศัลยกรรมพลาสติกว่าคุ้มค่าที่จะทำหรือไม่ระหว่างความสวยที่เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อย แต่อาจส่งผลต่อการทำงานของน้ำลายและยังเป็นการผ่าตัดที่เลือดออกง่ายหยุดยากอีกด้วย
วิธีลดเหนียงทำยังไงได้บ้าง
เมื่อปรึกษาแพทย์ จะประเมินว่าผู้ป่วยแต่ละรายเหนียงของคุณนั้นเกิดจากอะไร แพทย์จะแนะนำการรักษา ให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคน ถ้ากรณีที่มีเหนียงอ้วนมาก สามารถดูดซับเหนียงของไขมันได้ แต่ถ้าเป็นเคสที่หย่อนคล้อยด้วย การดูดเหนียงอย่างเดียวอาจไม่เห็นผลตามที่ต้องการ แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้ยกกระชับเหนียงด้วย และการออกกำลังกายใบหน้าส่วนล่างก็ช่วยลดเหนียงใต้คางได้
- นวดกระชับเหนียง นวดกระชับสลายเหนียง เป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลายคนเคยลองมาก่อน เป็นการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ สร้างพลังงานความร้อนและส่งความร้อนลงสู่พื้นผิวเพื่อทำให้กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และผิวจะค่อย ๆ กระชับตัวลง ข้อดีคือไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น มันปลอดภัย ข้อเสียคือต้องใช้เวลานานกว่าที่เหนียงจะหดตัว และหากเลือกใช้เครื่องนวดกระชับสัดส่วนที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดปัญหาผิวไหม้แดดได้ โดยเฉพาะเครื่องนวดราคาถูก
- การฉีดยาเมโส เพื่อลดเหนียง ไขมันใต้คางจะถูกสลายออก แต่วิธีนี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ถาวร ต้องกลับมาฉีดซ้ำหลาย ๆ ครั้งแล้วจะรู้สึกแสบร้อน
- เครื่องมือหรือเครื่องเลเซอร์กระชับผิวมีหลายประเภท เช่น โปรแกรม Thermage โปรแกรม HI-FU เป็นต้น ผลลัพธ์จะไม่คงอยู่ถาวร แต่เมื่อรักษาด้วยวิธีนี้ ใบหน้าจะเรียวลง ยกกระชับใบหน้าและผลลัพธ์จะยาวนานกว่าการฉีดเมโสแต่ต้องทำซ้ำทุกปีหรือทุก ๆ 6 เดือน
- การดูดไขมันใต้คาง หรือการดูดไขมันเหนียง เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำลายไขมัน ผลลัพธ์ชัดเจน ปลอดภัย แต่ต้องรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะเหนียงเป็นบริเวณที่ผิวหนังบาง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกเครื่องและอุปกรณ์ดูดไขมันที่เหมาะสม เพื่อป้องกันผิวไหม้ เป็นต้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมันเหนียง ?
- คนที่มีปัญหาคางสองชั้นที่เกิดจากไขมันสะสมเยอะ
- คนอ้วน หรือคนที่มีน้ำหนักเกิน จนเกิดไขมันใต้คาง
- อายุที่มากขึ้นทำให้ผิวหย่อนคล้อย ซึ่งสามารถดูดและกระชับได้พร้อม ๆ กัน
- คนที่เคยตัดกรามมาก่อน เพราะคนกลุ่มนี้จะมีคางยื่นออกมาจนฟันไม่ชิดกัน เมื่อตัดกรามเพื่อลดการยื่นของคาง ใคร ๆ ก็มีปัญหานี้ หลังจากถอนกรามแล้ว ใคร ๆ ก็มีปัญหานี้ ทำให้คางหย่อนคล้อย
- คนที่มีใบหน้ากลมและคางที่มองไม่ชัด ดูดไขมันใต้คางให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
ดูดไขมันเหนียง มีกี่วิธี ?
เครื่องดูดไขมัน สามารถทำได้หลายวิธี จะเรียกตามเครื่องดูดไขมันการดูดไขมัน เช่น บอดีไทท์ (BodyTite) , เวเซอร์ (Vaser) , บอดี้เจ็ท (BodyJet) เป็นต้น อุปกรณ์แต่ละตัว เครื่องแต่ละะครื่องจะมีคุณสมบัติข้อดี-ข้อเสียต่างกัน หากคุณต้องการดูดไขมันเหนียง คุณอาจต้องค้นหาข้อมูลสำหรับแต่ละอุปกรณ์ รวมถึงสอบถามคลินิกก่อนว่าใช้เครื่องดูดไขมันแบบไหน? ตรงตามที่เราต้องการหรือไม่? เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ หลังจากการดูดไขมันและได้ผลตามที่คาดไว้
การดูดไขมันเหนียงด้วยเทคนิค Necktite + PAL ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือดูดไขมันขนาดใหญ่เพราะเหนียงหรือไขมันใต้คางมีไม่มากนัก เครื่องดูดไขมัน BodyTite ซึ่งมีอุปกรณ์พิเศษที่ทำขึ้นเพื่อดูดซับไขมันเฉพาะจุดถูกนำมาใช้แทน เรียกว่า Necktite (หรือ FaceTite) เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับการดูดไขมันในพื้นที่เล็กๆ เช่น ดูดไขมันใต้คาง ลดเหนียง และใช้ cannula (Canular) ของการดูดไขมัน PAL ซึ่งเป็นระบบสั่นเพื่อดูดไขมันใต้เหนียงออก
และหากใครสนใจดูดไขมันเหนียง ราคา สามารถสอบถามได้ที่คลินิกใกล้บ้านหรือ สอบถามราคาดูดไขมันเหนียงที่รัตตินันเมดิคอลเซ็นเตอร์ ราคา 35,000 บาท โดยจะทำการผ่าตัดบริเวณใต้คาง รอบกรอบใบหน้าทั้งหมด ให้ใช้อุปกรณ์ดูดไขมัน BodyTite กับ MicroAire PAL ซึ่งมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละส่วน
การดูดไขมัน NeckTite คืออะไร?
ดูดไขมันเหนียง เทคนิคใหม่สำหรับ ด้วยหัวดูดไขมัน NeckTite มีขนาดเล็กและสั้นกว่าบอดี้ไทท์ (ใช้สำหรับร่างกาย) เหมาะสำหรับการดูดไขมันเหนียง หลักการทำงานของ NeckTite ใช้คลื่นความถี่วิทยุสลายไขมันพร้อมทั้งกระชับผิวใต้คาง นอกจากนี้ การใส่หัวดูดแบบไบโพลาร์ไว้ใต้ผิวหนังจะไม่ทำให้ผิวหนังชั้นนอกไหม้ รอยแผลเป็นหลังดูดไขมันจึงมีขนาดเล็กมาก
ข้อดีของการใช้ NeckTite ร่วมกับ PAL ในการดูดไขมันเหนียงคือ
- อุปกรณ์ NeckTite ที่ใช้สำหรับการดูดไขมันเหนียง เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่น RF สลายไขมันใต้คางพร้อมทั้งกระชับผิว มากถึง 12%
- BodyTite มีการแสดงอุณหภูมิและมีอุปกรณ์วัดอุณหภูมิที่ป้องกันการไหม้ รอยบุบ และพื้นผิวที่ไม่เรียบที่เกิดจากความร้อนที่มากเกินไปจากเครื่องหรืออุปกรณ์
- หัวฉีดแคนนูล่า PAL มีให้เลือกหลายขนาดเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคุณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกใช้หัวดูดขนาดเล็ก มีความยาวที่เหมาะสม ข้อดีคือแผลมีขนาดเล็ก ขจัดไขมันในปริมาณที่เหมาะสม บางตัวมีหัวดูดเดียวสำหรับดูดไขมันทั้งตัว ไม่มีการเลือกเฉพาะ บางครั้งอาจมีข้อผิดพลาดหลังจากการดูดไขมัน เช่น การดูดไขมันออกมากเกินไป ทำให้ผิวหนังบุ๋มและเกิดรอยเหี่ยวย่น
ขั้นตอนการดูดไขมันเหนียง
- ให้ยาชาเฉพาะที่สำหรับการดูดไขมันเหนียงด้วยเทคนิค Tumescent เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการดมยาสลบและการดูดไขมัน นอกจากนี้ยาชาที่ออกฤทธิ์นานซึ่งผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือเจ็บในระดับพอรับได้
- แพทย์ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กที่เรียกว่าเครื่อง NeckTite เพื่อสลายไขมันพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ยังสามารถกระชับผิวได้
- หลังจากนั้นจะใช้เครื่องสั่น MicroAire PAL โดยการเลือกหัวฉีดแคนนูลาขนาดเล็ก ขจัดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณคาง โดยการดูดไขมันทั่วใบหน้า
- แพทย์จะเย็บแผล ใช้แผ่นดูดซับและสวมชุดรัดรูปที่ออกแบบมาสำหรับการดูดไขมันเหนียง
- ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น เพราะการดูดไขมันเหนียงเป็นการฉีดยาชาเฉพาะที่ มันไม่เป็นอันตราย
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันเหนียง
การเตรียมตัวที่ถูกต้องก่อนดูดไขมันจะช่วยลดผลข้างเคียงหลังดูดไขมันได้ เช่น อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ มึนเมา หรือระยะเวลาพักฟื้น
การเตรียมตัวสำหรับเคสยาชา
- คืนก่อนดูดไขมัน นอนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารก่อนมาคลินิก 3 ชั่วโมง
- งดดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม เพราะอาจทำให้ปัสสาวะบ่อยได้
- สวมเสื้อผ้าสีเข้มและหลวม (เพราะหลังจากการดูดไขมันจะซึมออกจากบาดแผลอาจทำให้เสื้อเปื้อนได้)
- นำเพื่อนหรือญาติหนึ่งคน ห้ามขับรถกลับเอง (เพราะอาจเป็นอันตรายได้)
การเตรียมตัวสำหรับเคสยาสลบ
- คืนก่อนดูดไขมัน นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- งดสูบบุหรี่ทุกชนิด
- งดการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม
- งดแต่งหน้า หรือทาครีมที่ใบหน้า
- ไม่ใส่เครื่องประดับทุกชนิด
- ใส่เสื้อผ้าสีเข้มและดูหลวม ตัดเล็บสั้นแล้วเช็ดสีเล็บหนึ่งสีออก
- อย่าขับรถกลับคนเดียว พาญาติหรือเพื่อนมาด้วย
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันเหนียง
ในช่วงเดือนแรกหลังดูดไขมันควรดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เพื่อให้เหนียงเข้าเร็ว แผลจะหายเร็ว ไม่เจ็บและไม่บวมเป็นเวลานาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะมาจากความร่วมมือของแพทย์และผู้ป่วย สามารถทำได้โดยการดูแลตัวเองที่บ้านทุกวัน และมารับบริการ After Care ตามที่เจ้าหน้าที่นัดไว้
การดูแลตัวเองที่บ้าน
- สวมผ้ารัดเหนียง อย่างน้อย 22 ชั่วโมงต่อวัน
- ทำความสะอาดแผลอย่างต่อเนื่องทุกวัน จนกว่าจะหายดี
- ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าสู่แผลดูดไขมัน ก็จะทำให้แผลเปียก
- รับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้น
- ดื่มน้ำปริมาณมากเพื่อให้ร่างกายขับยาสลบออก งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้แผลหายช้า
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่สะอาด อาหารทะเล และของดอง