ฉีดปาก หรือฉีดฟิลเลอร์ปากหนึ่งในเทรนด์ความงามที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ซึ่งเปลี่ยนรูปปากได้ง่าย รวดเร็ว แถมยังเพิ่มความอวบอิ่มเซ็กซี่ทำให้ปากเหมือนกระจับ หรือแก้ไขปากที่มีริ้วรอย แห้ง แตก หรือขาดความชุ่มชื้น นอกจากนี้หากไม่พอใจกับรูปทรงที่ทำก็สามารถฉีดออกได้ สามารถเปลี่ยนกลับเป็นทรงเดิมหรือใหม่ได้ตามต้องการ
คำถามที่สาว ๆ ถามกันเยอะมาก หลังฉีดปากกี่วันทาลิปได้
หลัง ฉีดปาก ยกกระชับ Face lift กี่วันทาลิปได้ หลังฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วสามารถกลับมาทาลิปสติกได้หลังจาก 24-48 ชม. คุณยังสามารถทาเจลว่านหางจระเข้เพื่อลดอาการบวมหรือคันได้ และหลังจาก 14 วัน หากไม่มีสิ่งผิดปกติรอบ ๆ ปาก ผู้ฉีดสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เช่น แต่งหน้า ทาลิปสติก เป็นต้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปากอย่างรุนแรง สิ่งนี้จะส่งผลต่อระยะเวลาการเก็บรักษาของฟิลเลอร์
ในช่วงแรกอาจมีรอยเข็มรอบ ๆ ริมฝีปากบ้าง ซึ่งรอยเข็มนี้ห้าม!! ห้ามแกะ เกา สัมผัส กด โดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้บวมอักเสบได้ รอยเข็มจะค่อย ๆ จางลงภายใน 7 วัน ระหว่างนี้หาก ต้องการลาลิปมัน ลิปสติกต่าง ๆ สามารถทาได้ตามปกติเลย
ฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก (Lip Fillers) คือ การฉีดฟิลเลอร์ชนิด HA เข้าไปบริเวณริมฝีปากเพื่อปั้นหรือตกแต่งริมฝีปากให้สวยงาม เป็นที่นิยมมากเทียบได้กับการทำศัลยกรรมปากกระจับ เพราะสามารถแก้ไขรูปเดิมของริมฝีปากที่บาง แห้ง เป็นร่อง ไม่สวยงามได้ ปากคล้ำและแห้งเป็นร่อง จะสวยได้ ริมฝีปากต้องอวบอิ่ม เปลี่ยนปากดำให้เป็นปากสีชมพูใส ๆ แลดูสุขภาพดี น่าจุ๊บ แถมยังทาลิปสติกสีสวยอวดเรียวปากได้อย่างมั่นใจอีกด้วย ลิปสติกไม่ตกร่องและดูแห้งเป็นขุย
ทำไมฉีดฟิลเลอร์ปากถึงเป็นที่นิยม
เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ปากใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบางและต้องการทรงปากใหม่แต่ไม่ต้องการทำศัลยกรรมให้เจ็บตัวกว่าการทำศัลยกรรมแผลหายช้า ราคาแพง ใช้เวลาพักฟื้นนานถึงเห็นความเปลี่ยนแปลง และถ้าทำศัลยกรรมแล้วไม่ชอบก็เปลี่ยนไม่ได้
แต่ฟิลเลอร์ปากไม่ได้อยู่ถาวร จะอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือน (บางกรณีก็อยู่ได้นานกว่า 1 ปี) ก่อนที่ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายไป ทำให้ต้องฉีดอย่างต่อเนื่อง
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
- ไม่ต้องเตรียมร่างกายมากเหมือนการผ่าตัด ไม่ต้องอดอาหารก่อนฉีด
- ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน
- ดูแลรักษาง่าย ไม่มีแผล ไม่บาด ไม่มีรอยหรือแผลเป็นหลังฉีด มีเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ สามารถปกปิดได้ด้วยการทาลิปสติก และจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์
- ไม่มีการบวมช้ำของริมฝีปากภายหลังทำ
- ไม่ต้องรับประทานยามาก
- ปรับรูปปากได้ตามต้องการ เช่น เปลี่ยนปากหนา ปากบนใหญ่เกินไป หรือปากบางเกินไป ให้เป็นทรงกระจับ หรือช่วยให้ริมฝีปากที่เชิดขึ้นทำให้ใบหน้าดูดุและไม่สวยงามด้วยการยกมุมปากขึ้นเพื่อให้ดูหวานขึ้นและมีรอยยิ้มที่สวยขึ้น
- ช่วยให้ริมฝีปากบนและล่างเท่ากัน แก้ปัญหา ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุหรือได้รับการผ่าตัด
- เพิ่มความอวบอิ่ม เซ็กซี่ ช่วยเพิ่มเสน่ห์ ชวนให้เสียหน้ายิ่งนัก
- ช่วยให้ปากชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดี
- ทำให้ทาลิปสติกได้สวยขึ้น ไม่ตกร่อง เพราะปากไม่แห้ง แตก มีริ้วรอย
- ริมฝีปากสวยขึ้น อวบอิ่ม สร้างความมั่นใจให้กับผู้ทำมากขึ้น
- หากคุณไม่พอใจกับรูปร่างปากของคุณ คุณสามารถฉีดไฮยาลูริเนสได้ (Hyaluronidase) เพื่อละลายสารเติมเต็ม แต่ถ้าเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนไม่ได้
- ค่าใช้จ่ายต่ำเมื่อเทียบกับการผ่าตัด
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ผลลัพธ์ชั่วคราวประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ในแต่ละวัน ประเภทและยี่ห้อของฟิลเลอร์
- หากคุณเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์หรือใช้ฟิลเลอร์มากเกินไปไม่เหมาะสม ปากของคุณอาจขยายใหญ่ขึ้นและบานออก หรือคุณอาจรู้สึกว่าปากหนามากเกินไป
- การฉีดมีอันตรายเนื่องจากบริเวณริมฝีปากเป็นจุดที่บอบบางและมีเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- การฉีดฟิลเลอร์ปากโดยทั่วไปไม่ต้องเตรียมตัวมากเหมือนการผ่าตัด นี่คือขั้นตอนง่าย ๆ
- หากเคยผ่าตัดริมฝีปากมาก่อน ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ
- หากมีโรคประจำตัว ยา หรืออาการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 3 วัน
- งดสครับหรือเลเซอร์ปาก ประมาณ 1 สัปดาห์
- งดการใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ยาบรรเทาอาการปวดประจำเดือน และ NSAIDS เช่น ไอบูโพรเฟนหรือนาโพรเซน ประมาณ 2 สัปดาห์
- งดวิตามินหรืออาหารเสริม เช่น วิตามินอี น้ำมันตับปลา ประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกและยังทำให้รอยช้ำจากการฉีดหายยากอีกด้วย
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- งดทาลิปสติก สูบบุหรี่ และใช้หลอดดูดน้ำ ในระยะเวลา 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม การสัมผัสแสงแดด หรือการใช้ริมฝีปากอย่างหักโหมในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพราะอาจทำให้เกิดรอยแดงและบวมบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ปากผิดรูป
- งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดอาหารรสเผ็ด ดิบ และแสลงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ตามคำแนะนำของแพทย์
- งดการใช้เลเซอร์ การอบไอน้ำ หรือการทำเสียงบนใบหน้า ที่ใช้ความร้อนเป็นเวลาอย่างน้อยสี่สัปดาห์.
- ทาเจลว่านหางจระเข้ ครีม หรือวิตามินเคหากมีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
- ประคบน้ำแข็ง เพื่อบรรเทาอาการบวม เจ็บ คัน ตึง หรือรอยฟกช้ำ
- รับประทานยาแก้ปวดและยาลดบวมเมื่อมีอาการ หรือตามแพทย์สั่ง
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ และพยายามหนุนหมอนสูง เพื่อช่วยลดอาการบวม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส ดึง หรือลอกริมฝีปาก สิ่งนี้จะทำลายผิวริมฝีปากและทำให้คงความชุ่มชื้นได้น้อยลง
- หลีกเลี่ยงการ บีบ นวด คลึง บริเวณริมฝีปาก เพราะอาจทำให้รูปปากเสียรูปทรงได้
- ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- หลังจากนั้นไม่กี่วันจะมีอาการบวมนูนขึ้นเป็นก้อนและผิวขรุขระไม่ร้ายแรง และจะค่อยๆ หายไปในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์
ความเสี่ยงของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ความเสี่ยงในการ ฉีดปาก หรือ ฉีดผิวขาว อันตรายไหมนั้นมักเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด การฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป และที่สำคัญคือการฉีดสารเติมเต็มปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว พลาสติกชีวภาพ พาราฟิน ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต ทำจากพลาสติก หากเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไม่สามารถดูดซึมได้ ซึ่งก่อให้เกิดดังนี้
- ใต้ชั้นผิวหนัง ติดเชื้อ มีการอักเสบรุนเเรง
- ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อน ขรุขระ เป็นคลื่น ผิวหนังไม่เรียบ
- ใบหน้าผิดรูปไม่ได้ดั่งใจเพราะฟิลเลอร์ไหลย้ายไปที่อื่น
- เกิดอาการเน่า เขียวช้ำ บวมเป็นก้อน
- เนื้อปากตาย มีพังผืด
- เส้นประสาทถูกทำลาย
- ฟิลเลอร์ไม่สลายไปตามธรรมชาติ จนต้องผ่าตัดเพื่อขูดออก
- หากฟิลเลอร์ไปอุดตันหลอดเลือดแล้วเติมด้วยฟิลเลอร์ก็อาจถึงแก่ชีวิตได้
ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ผู้ฉีดควรระวังเรื่องคุณภาพของฟิลเลอร์ที่ต้องได้รับการรับรองจาก อย. รวมถึงการเลือกตำแหน่งที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่ต้องมีความชำนาญพอสมควรเพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการและลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน?
อาการบวมของริมฝีปากหลังการฉีดฟิลเลอร์จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันแรก แต่ในบางคนที่มีผิวหนังบวม ริมฝีปากอาจบวมนานถึง 5-7 วัน แล้วค่อย ๆ ยุบลงจนเริ่มเข้าที่ รูปร่างที่สวยงามเป็นธรรมชาติสามารถเห็นได้ภายใน 7-14 วัน
ฉีดปากอยู่ได้นานไหม?
การฉีดปากให้ผลลัพธ์ประมาณหกถึงสิบแปดเดือน ช่วยลดความแห้งกร้านด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ซึ่งสามารถคงอยู่ได้ประมาณหกเดือน หากฉีดเพื่อเพิ่มความอวบอิ่ม อิ่มเอิบ และวอลลุ่มให้ริมฝีปาก จะอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้และการดูแลตนเองหลังฉีด อย่างไรก็ตามเมื่อครบกำหนดฟิลเลอร์จะสลายไปตามธรรมชาติ 100%
สรุปแล้วสิ่งสำคัญของการฉีดฟิลเลอร์ปากคือเรื่องของความปลอดภัย ต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานและต้องรับบริการจากโรงพยาบาลและแพทย์เฉพาะทาง และนอกจากนี้หากแพทย์มีความเชี่ยวชาญในการประเมินโครงหน้าและลักษณะใบหน้าก็สามารถเลือกใช้ชนิดของฟิลเลอร์ได้ในปริมาณที่พอเหมาะ รวมถึงสามารถกำหนดตำแหน่งการฉีดได้อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจสูงสุด ทำให้ได้รูปปากที่สวยงามเป็นธรรมชาติ ดังนั้นผู้ที่ต้องการรับบริการต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยก่อนตัดสินใจ จะได้ไม่เสียเงินเสียเวลาต้องมาซ่อมทีหลัง