ท้องลายหรือรอยผิวแตกลายที่มักพบในคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นเส้นที่ปรากฏบนผิวหนังหน้าท้อง มักเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังถูกขยายอย่างรวดเร็ว เช่นในช่วงการตั้งครรภ์ การเพิ่มน้ำหนัก หรือการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง แม้จะไม่สร้างความเจ็บปวดหรือเป็นอันตราย แต่รอยแตกลายนี้อาจทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้น จึงหาวิธีกำจัดรอยแตกลายนี้ให้หมดไป
ลักษณะของรอยแตกลายอาจแตกต่างกันไป ได้แก่ ริ้วสีขาว สีชมพู สีแดง สีม่วง หรือสีน้ำตาล ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนัง ความตึงของผิวหนังในบริเวณนั้น ตำแหน่งที่เกิด และสาเหตุที่ทำให้เกิดท้องลาย ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดรอยแตกลายให้หมดได้ แต่ยังมีวิธีให้รอยแตกน้อยลง ได้แก่ การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การใช้เลเซอร์ หรือการขัดผิวด้วยผงผลึกแร่ ที่อาจช่วยลดความชัดเจนของรอยแตกลายได้ สามารถเลือกใช้วิธีการรักษาท้องแตกลายได้หลากหลายวิธี เพื่อให้สาว ๆ กลับมามีหน้าท้องที่ไร้รอยแตกลายได้ อาจจะไม่ได้กลับมาเหมือนเดิม แต่ดูจางลงหรือมองเห็นได้ไม่ชัด เพียงเท่านี้ก็ช่วยสาว ๆ ให้กลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง
สาเหตุของท้องลาย เกิดจากอะไร
ท้องลายเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังชั้นหนังแท้ที่หน้าท้องถูกฉีกขาดลึกลงไปในชั้นลึก นั่นเกิดจากการขยายขนาดของท้องซึ่งทำให้เราเห็นเส้นเลือดในชั้นลึกลงไป ทำให้ปรากฏเป็นเส้นลายเข้ม จากนั้นเมื่อเส้นเลือดหดตัวลง ท้องลายเป็นสีขาวมากขึ้น สาเหตุหลายประการ เช่น
- การตั้งครรภ์โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 (อายุครรภ์ 7-9 เดือน)
- การเพิ่มน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว
- การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานานหรือใช้อย่างผิดวิธี
- มีประวัติของท้องลายในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดทางสายเลือด
- การขยายขนาดหน้าท้องอย่างรวดเร็วเนื่องจากปัญหาสุขภาพ เช่น กลุ่มอาการคุชชิง (Cushing Syndrome) ที่ผู้ป่วยมีภาวะอ้วนมากจากการกิน หรือมาร์แฟนซินโดรม ที่เนื้อเยื่อและอวัยวะในร่างกายมีการขยายขนาดอย่างรวดเร็ว
แม่ท้องกลุ่มใดที่เสี่ยงต่อการเกิดท้องลายได้ง่าย
การเกิดท้องลายสามารถเกิดขึ้นบ่อยขึ้นในกลุ่มแม่ท้องที่มีลักษณะต่อไปนี้
- แม่ท้องที่มีผิวแห้ง ผิวหนังที่แห้งและขาดความชุ่มชื่นมีโอกาสเกิดท้องลายได้มากกว่าผิวที่ชุ่มชื่น
- แม่ท้องที่อายุน้อยและตั้งครรภ์เร็ว การตั้งครรภ์ในวัยที่ยังน้อยอาจทำให้ผิวหนังยังไม่พร้อมที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพิ่มโอกาสให้เกิดท้องลาย
- แม่ท้องที่เพิ่มน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วในช่วงการตั้งครรภ์สามารถทำให้ผิวหนังขยายตัวอย่างรวดเร็วและเกิดท้องลาย
- แม่ท้องที่มีท้องใหญ่มาก หากทารกในครรภ์มีน้ำหนักเกินเกณฑ์หรือมีขนาดใหญ่มาก อาจทำให้ผิวหนังขยายตัวและเกิดท้องลายได้มากขึ้น
การแตกลายบนหน้าท้องแบ่งออกเป็น 2 ระยะ
- ระยะเริ่มต้น (Striae Rubra) ในระยะนี้รอยแตกลายจะมีลักษณะเป็นเส้นนูนที่มีสีแดงหรือบางครั้งอาจเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ บางครั้งอาจมีความคันหรือระคายเคืองในช่วงแรกของการแตกลาย
- ระยะสุดท้าย (Striae Alba) ในระยะนี้รอยแตกลายเริ่มเปลี่ยนสีจากแดงหรือม่วงคล้ำไปเป็นสีขาว ร่วมกับผิวหนังบางลงและมีร่องริ้วรอยเกิดขึ้น ในระยะนี้อาจจะยากในการทำให้ผิวกลับมาสวยเหมือนเดิม
จะเห็นรอยแตกลายเมื่อไหร่ ?
ท้องลาย มักจะปรากฏในช่วงระยะสุดท้ายของการตั้งครรภ์ (ประมาณเดือนที่ 6 หรือ 7) อย่างไรก็ตาม มีผู้หญิงที่อาจพบรอยแตกลายเริ่มแสดงอยู่ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์เมื่อมีการขยายตัวของท้องเริ่มเกิดขึ้น สีของรอยแตกลายอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน ในผู้หญิงที่มีสีผิวขาวมักจะพบรอยแตกลายที่มีสีชมพู ในขณะที่ผู้หญิงที่มีสีผิวเข้มกว่ามักจะมีรอยแตกลายที่มีสีอ่อนกว่าเมื่อเทียบกับสีผิวปกติ
รับมือกับรอยแตกลายได้อย่างไร
ท้องแตกลายหลังคลอดเป็นปัญหาที่น่ารำคาญสำหรับบางคน แม้จะไม่สามารถกำจัดรอยแตกลายได้ทั้งหมด การรักษาอาการท้องลายสามารถทำได้โดยการลดความเข้มข้นของร่องรอยที่ผิวหนังบริเวณนั้น สามารถทำได้โดยการใช้วิธีการที่หลายแบบ ซึ่งจะช่วยให้ร่องรอยแตกลายดูจางลงได้ สามารถจัดการได้โดยหลายวิธี รวมถึงการดูแลตัวเองและการปรึกษากับแพทย์ เลือกใช้วิธีไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง
เช่น ความคาดหวังในผลลัพธ์การรักษา สภาพผิวหนังของคุณ ระยะเวลาที่เกิดรอยแตกลาย ความสะดวกในการดูแลและค่าใช้จ่ายในการรักษา ดังนั้นจึงควรพิจารณาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหาท้องลายของคุณแต่ยังมีวิธีในการรักษาและดูแลผิวหนังให้มีรอยแตกลายน้อยลง หรือทำให้รอยแตกลายดูจางลง ดังนี้
- การใช้ครีมหรือเจลบำรุงผิว ครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมของเรตินออยด์ (Retinoid) อาจช่วยลดรอยแตกลายที่ยังเป็นสีแดงหรือม่วงได้ สารอนุพันธุ์ของวิตามินเอ ซึ่งช่วยสร้างคอลลาเจนในผิวหนังใหม่และช่วยให้รอยแตกลายดูดีขึ้น เช่น เรตินออยด์ (Tretinoin) ควรใช้ครีมนี้เมื่อรอยแตกลายยังเป็นสีสด อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ และให้ระมัดระวังเวลาใช้รอยแตกลายของคนที่ตั้งครรภ์หรือแรกคลอด เลือกใช้ครีมที่ปราศจากวิตามินเอหากเป็นไปได้ เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์ อาแกนออยล์ หรือวิตามินอี เชียบัตเตอร์ เพื่อประโยชน์ของผิวหนัง
- การใช้บอดี้ออยล์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว โดยเฉพาะในบริเวณที่มีรอยแตกลาย ควรเลือกบอดี้ออยล์ที่ไม่มีส่วนผสมของ Mineral oil ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันที่ทำให้เกิดสิว ในปัจจุบันมีบอดี้ออยล์จากธรรมชาติที่เหมาะสำหรับผิว อย่างน้ำมันโรสฮิปหรือ Sesame Oil ซึ่งช่วยลดรอยแตกลายและทำให้ผิวกระชับขึ้น
- การปกปิดรอยด้วยเครื่องสำอาง ครีมรองพื้นหรือเครื่องสำอางที่มีคุณภาพสามารถช่วยปกปิดรอยแตกลายได้ในบริเวณที่มีปัญหา ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีอันตราย และเหมาะกับประเภทผิวของคุณ
- การรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่มีประสิทธิภาพในการลดรอยแตกลาย แพทย์จะใช้เลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังใหม่และลดรอยแตกลายอย่างได้ผล การรักษาด้วยเลเซอร์จะมีผลต่อรอยแตกลายโดยตรงและมีผลในระยะยาว
- การขัดผิวด้วยผงผลึกแร่ (Microdermabrasion) การขัดผิวด้วยผงผลึกแร่ช่วยในการกำจัดรอยแตกลายโดยลอกผิวหนังกำพร้าชั้นตื้น ๆ โดยกระตุ้นการสร้างผิวหนังใหม่และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
- การทำศัลยกรรมตกแต่ง หากคุณต้องการผิวหนังที่ไม่มีรอยแตกลายเลย การทำศัลยกรรมตกแต่งเป็นตัวเลือกที่มีค่าใช้จ่ายสูง และมีความเสี่ยงทางการแพทย์ แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อเอาไขมันส่วนเกินและผิวหนังที่มีรอยแตกลายออกไป ตัวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังใหม่ เมื่อคุณพิจารณาทำศัลยกรรม ควรปรึกษาแพทย์อย่างรอบคอบและระมัดระวังความเสี่ยงทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นหลังการผ่าตัด
วิธีป้องกันท้องแตกลาย
การรักษาความยืดหยุ่นของผิวหนังในระหว่างการตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันท้องแตกลาย ดังนั้นเรามีวิธีและแนวทางการดูแลรอยแตกลายได้ดังนี้
- รักษาความชุ่มชื้นของผิว การใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นพิเศษสำหรับการรักษารอยแตกลายช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ควรใช้อย่างต่อเนื่อง 2 ครั้งต่อวัน ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์เพื่อช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและยังช่วยลดรอยแตกลาย
- รับประทานอาหารผิว คอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในผิวหนังเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นของผิวที่กำลังขยายตัว คอลลาเจนช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดโอกาสการเกิดรอยแตกลาย ควรบริโภคอาหารที่มีวิตามินซีและอี รวมถึงแร่ธาตุสังกะสีและซิลิกาในปริมาณเพียงพอเพื่อส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน
- การออกกำลังกายช่วยทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้นและช่วยคงสภาพความยืดหยุ่นของผิว การออกกำลังกายช่วยลดโอกาสการเกิดเส้นเลือดขอดและอาการข้อเท้าบวมในระหว่างการตั้งครรภ์
- การควบคุมน้ำหนักขณะตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะน้ำคร่ำมากกว่าปกติอาจทำให้ผิวยืดขยายมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำ
- ดื่มน้ำเพียงพอในปริมาณที่เพียงพอ (ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน) ช่วยให้ผิวหนังคงความยืดหยุ่นและขยายตัวได้ดีขึ้น
- ควบคุมสภาพร่างกายในกรณีเฉพาะเช่น การควบคุมเบาหวานในระหว่างการตั้งครรภ์หรือการตั้งครรภ์แฝด เพื่อลดโอกาสการยืดผิวหนังมากเกินไป
บทสรุป
ไม่ว่าคุณจะมีท้องแตกลายจากสาเหตุใด ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์ ปัญหาน้ำหนัก หรือการเปลี่ยนแปลงน้ำหนัก คุณสามารถดูแลและป้องกันรอยแตกลายได้ตั้งแต่ต้นและสำหรับคนที่มีปัญหาแล้ว คุณยังสามารถรักษาได้ด้วย รอยแตกลายอาจไม่มีผลต่อสุขภาพร่างกาย แต่มันสามารถส่งผลต่อความมั่นใจของเรา โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ต้องใส่เสื้อผ้าที่โชว์รูปร่าง หรือคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการให้รูปร่างและผิวพรรณดูดีกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้หากคุณมีอาการช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น สามารถปรึกษาเราได้เลย