ซิลิโคนเสริมหน้าอก สำหรับสาว ๆ ที่วางแผนจะเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนนั้น จำเป็นต้องศึกษาซิลิโคนประเภทต่าง ๆ และซิลิโคนเสริมอกอยู่ได้กี่ปี เพราะการเสริมหน้าอกใคร ๆ ก็อยากจะทำเพียงครั้งเดียว เจ็บครั้งเดียวแล้วได้นมที่สวยตามความต้องการกันทั้งนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงซิลิโคนประเภทต่าง ๆ และระยะเวลาที่สามารถอยู่ได้ เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนพร้อมแล้วเราไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ของบทความนี้กันเลย
ทำความรู้จักกับประเภทของซิลิโคนเสริมหน้าอก
ซิลิโคนเสริมหน้าอกแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท
- ซิลิโคนเสริมหน้าอกแบบเจล (Silicone Gel)
ซิลิโคนเจลเสริมหน้าอกตอนนี้มีให้เลือก 2 แบบ คือ ทรงกลมและทรงหยดน้ำ แต่ละรูปร่างยังแบ่งออกเป็นสองพื้นผิวย่อย ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไปดังนี้
พื้นผิวซิลิโคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือพื้นผิวที่หยาบหรือมีพื้นผิวเนื่องจากช่วยลดการหดตัวของพังผืดและมีผิวซิลิโคนที่หนากว่าทำให้ยากต่อการแตกหัก อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างจะสึกหรอยากและมีราคาสูงกว่าพื้นผิวเรียบ
พื้นผิวเรียบเป็นซิลิโคนผิวที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น นุ่ม เหมือนผิวหน้าอกจริง อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเกิดพังผืดยึดเกาะได้มากกว่าเมื่อเทียบกับพื้นผิวหยาบ
- ซิลิโคนเสริมหน้าอกแบบน้ำเกลือ (Saline)
เป็นถุงซิลิโคนเติมน้ำเกลือโดยสามารถใส่ซิลิโคนเพิ่มขนาดก่อนการผ่าตัดได้ นอกจากนี้ยังปลอดภัยกว่าหากซิลิโคนฉีกขาดเนื่องจากร่างกายจะดูดซับน้ำเกลือ และขับออกไปเอง
- ซิลิโคนเสริมหน้าอกแบบถุงเบคเกอร์ (Becker)
เป็นซิลิโคนที่เกิดจากการผสมน้ำเกลือกับถุงซิลิโคนเจล มีให้เลือก 2 แบบ
- แบบเจล 25% กับน้ำเกลือ 75%
- แบบเจล 50% กับน้ำเกลือ 50%
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย การเสริมหน้าอกทรงกลม และทรงหยดน้ำ
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงกลมหรือทรงหยดน้ำมีข้อดีข้อเสียต่างกันดังนี้
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงกลม (Round Implant)
- การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงกลมจะมีขอบเรียบ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อเต้านมบริเวณฐานแต่ต้องการเพิ่มขนาดและความชัดเจนของหน้าอก หรือผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยหรือไม่สมส่วน
- การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงกลมมีความยืดหยุ่นและนิ่มกว่าทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ผิวซิลิโคนเรียบหรือขรุขระ
- เจลที่อยู่ภายในซิลิโคนทรงกลมจะมีความเหลวมากกว่าเจลที่อยู่ภายในซิลิโคนทรงหยดน้ำทำให้ไหลไปที่ส่วนล่างของหน้าอกเมื่อผู้รับบริการยืนหรือนั่ง
- คนไข้บางรายอาจมองเห็นร่องรอยของขอบซิลิโคนได้เนื่องจากมีเนื้อหน้าอกบางหรือขนาดหน้าอกที่ใหญ่เกินไป
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงหยดน้ำ (Shaped Implant)
- การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงหยดน้ำจะดูแบนช่วงบนและหลังส่วนล่างจะป่อง รูปร่างนี้คล้ายหยดน้ำเลียนแบบลักษณะเต้านมตามธรรมชาติของผู้หญิง
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนาดหน้าอกเล็ก ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกอย่างเป็นธรรมชาติ
- ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำจะคงรูปได้ดีกว่าแบบทรงกลมเนื่องจากมีเจลเหลวอยู่ภายใน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ว่าผู้รับบริการจะยืนหรือนั่ง ขนาดหน้าอก จะยังคงรูปทรงที่สวยงามอยู่เสมอ
- ซิลิโคนทรงหยดน้ำจะแข็งกว่าซิลิโคนทรงกลม เวลาสัมผัสหน้าอกจะรู้สึกได้ถึงความแข็ง มันไม่นิ่มเหมือนเนื้อเยื่อเต้านมตามธรรมชาติ และไม่มีความยืดหยุ่นเหมือนซิลิโคนทรงกลม
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตนเอง (Fat Transfer Augmentation)
นอกจากการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนหรือเลือกเมนูอาหารหลังศัลยกรรมจมูกแล้ว คนไข้ยังสามารถเลือกเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองได้อีกด้วย แพทย์จะทำการเก็บไขมันจากหน้าท้อง ต้นขา สะโพก หรือเอว เพื่อคัดเลือกเซลล์ไขมันที่ดีที่สุดมาฉีดเสริมขนาดของเต้านม
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
- ภายในหน้าอกของผู้ป่วยไม่มีสิ่งแปลกปลอมเนื่องจากเป็นสารไขมันจากร่างกายของผู้มารับบริการ
- ทรงหน้าอกดูเป็นธรรมชาติ มีผิวสัมผัส นุ่มนวล ไม่เกิดพังผืดในภายหลัง
- ผลของการเสริมหน้าอกอาจไม่ได้ขนาดหน้าอกที่ต้องการ เนื่องจากไขมันที่ฉีดเข้าไปสามารถสลายตัวและทำให้ขนาดที่เพิ่มลดลงได้ อย่างไรก็ตามศัลยแพทย์มักจะสงวนไขมันไว้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้น
เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนอยู่ได้กี่ปี
ซิลิโคนเสริมอกอยู่ได้กี่ปี ขึ้นอยู่กับผู้เข้ารับบริการเลือกซิลิโคนที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงกลมจะอยู่ได้ประมาณ 10 ปีขึ้นไป ส่วนการเสริมทรงหยดน้ำจะอยู่ได้ประมาณ 15 ปีขึ้นไป ผู้ที่ทำนมมานานเกิน 5 ปี ควรปรึกษาแพทย์เป็นประจำเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น แล้วควรสังเกตหน้าอกของตัวเองอย่างสม่ำเสมอและควรพบแพทย์เพื่อที่จะได้ตรวจอย่างถูกต้อง หากมีความผิดปกติที่คุณหมอสังเกตเห็นหรือนมของผู้ป่วยเกิดผิดปกติจนตัวเองสังเกตเห็นอย่างชัดเจน ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อหาทางแก้ไขกันต่อไป
วิธีการเลือกขนาดของการเสริมหน้าอก
- ในการเลือกขนาดหน้าอกที่จะเสริม ควรพิจารณาจากสรีรวิทยาของคุณเอง เช่น ความสูงและความกว้างฐานของหน้าอก รวมถึงปริมาณของเนื้อเยื่อเต้านมและความยืดหยุ่นของผิวหนังบริเวณหน้าอก
- ศัลยแพทย์และผู้รับบริการควรปรึกษาหารือกันอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ขนาดหน้าอกที่สมบูรณ์แบบ สวยงาม และเหมาะสมกับสรีระของผู้ใช้บริการ
- การมีหน้าอกที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้คุณดูใหญ่เกินตัวและทำให้ปวดหลังได้ในภายหลังได้อีกด้วย ดังนั้นเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองจะดีที่สุด
เสริมหน้าอกอันตรายหรือไม่
- การผ่าตัดเสริมหน้าอกมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการผ่าตัดใหญ่ ดังนั้น คนไข้ควรปรึกษาแพทย์โดยละเอียดก่อนเข้ารับบริการ
- อย่างไรก็ตาม หากการเสริมหน้าอกทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานและการดูแลหลังการผ่าตัดที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้อย่างมาก
- การผ่าตัดเสริมหน้าอกนั้นศัลยแพทย์จะวางยาสลบเพื่อให้ไม่รู้สึก ผู้ป่วยจะได้รับยาชาเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการแน่นหน้าอก ระบม หรือเจ็บแบบทนได้บ้าง
- หลังการผ่าตัด 7 วัน คนไข้สามารถตัดไหมออกได้ จะมีอาการบวมอยู่ประมาณ 1 เดือน จากนั้นหน้าอกจะค่อย ๆ ลดขนาดลง ซึ่งจะมาพร้อมกับแผลเป็นจากการผ่าตัดที่จะจางลงภายในสามถึงหกเดือนโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ
วิธีการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอก
- ผู้เข้ารับบริการต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ 1 เดือนก่อนการผ่าตัด
- ให้อดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด เพื่อป้องกันการสำลักอาหารที่ค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร
- งดการรับประทานน้ำมันตับปลา สมุนไพร วิตามิน และอาหารเสริมทุกชนิด รวมทั้งแอสไพรินและไอบูโพรเฟน ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
- ควรออกกำลังกายก่อนการผ่าตัดประมาณ 1 เดือน เพื่อเตรียมกล้ามเนื้อโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องให้แข็งแรง ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยสามารถลุกนั่งหลังการผ่าตัดได้ง่ายขึ้น
วิธีการดูแลตนเองหลังการเสริมหน้าอก
- ระวังอย่าให้แผลผ่าตัดโดนน้ำในช่วง 7 วันแรก
- เพื่อป้องกันไม่ให้พังผืดเกาะกับซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอก ควรนวดหน้าอก อย่างสม่ำเสมอ
- อย่ายกของหนักและออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือน
- ควรสวมสปอร์ตบรา
- หากพบอาการผิดปกติควรกลับไปพบแพทย์และควรตรวจเต้านมเป็นประจำ
ราคาของการเสริมหน้าอก
ราคาของการผ่าตัดเสริมหน้าอกซิลิโคนลอยขึ้นอยู่กับรูปทรงเต้านมที่เลือก วัสดุหรือยี่ห้อของเต้านมเทียมที่ใช้ ค่าบริการ ค่ารักษาพยาบาล และค่าแพทย์ของโรงพยาบาลที่คนไข้เข้ารับบริการ ราคาจะอยู่ประมาณ 38,000-140,000 บาท
การเสริมหน้าอกให้ได้ขนาดและรูปทรงตามต้องการจะช่วยให้คนไข้ดูสวยขึ้นและสร้างความมั่นใจ อย่างไรก็ตามควรทำภายใต้การดูแลของศัลยแพทย์ผู้ชำนาญและผู้ป่วยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้แผลหายเป็นปกติ
อายุกับการเสริมเต้านม
ในแต่ละวัย ลักษณะของเต้านมจะแตกต่างกัน การเสริมหน้าอกตั้งแต่อายุยังน้อยและก่อนมีบุตรสามารถช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นได้ หน้าอกจะค่อนข้างเต่งตึง หย่อนคล้อยช้า แต่มีความตึงสูง อาจใช้เวลาในช่วงระยะแรกก่อนที่รูปร่างจะเกิดขึ้น ส่วนการเสริมหน้าอกเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลังมีบุตร หน้าอกจะมีการขยายตัวมาบ้างแล้ว และมีความยืดหยุ่น ทำให้รูปทรงเข้าที่ได้เร็ว แต่ก็อาจทำให้มีการหย่อนคล้อยเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะบางรายที่หน้าอกเดิมมีการหย่อนคล้อยมากอาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดยกกระชับไปด้วย
ศัลยแพทย์มีบทบาทสำคัญในกระบวนการก่อนการผ่าตัด ทั้งการเลือกซิลิโคนและแนะนำวิธีการและขั้นตอนการผ่าตัดที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและป้องกันภาวะแทรกซ้อน ผู้สนใจเสริมหน้าอกควรศึกษาข้อมูลและเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับมีทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์เพื่อผลการผ่าตัดที่น่าพอใจ