ข้อห้ามหลังเสริมอก หลังการศัลยกรรมใด ๆ ก็ตาม แพทย์จะเน้นการดูแลตัวเองเป็นพิเศษในช่วงเดือนแรกรวมถึงหลังเสริมหน้าอกด้วย หลังการศัลยกรรมเสริมหน้าอกจะมีอาการบางอย่างที่เราต้องเผชิญ หากเราไม่ดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม อาจเกิดผลกระทบร้ายแรงต่อแผลผ่าตัด เนื้อเยื่อ และวัสดุเสริมหน้าอก ซึ่งอาจนำไปสู่การกลับมาแก้ไขหน้าอกได้ วันนี้เรามาเรียนรู้ข้อห้ามหลังเสริมอกและข้อควรปฏิบัติกัน สิ่งใดควรหลีกเลี่ยงก่อนเพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงปัญหาภายหลังการเสริมหน้าอกเพื่อทำให้หน้าอกเล็กนั้นให้ดูใหญ่ขึ้นและสวยงามทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
อาการหลังเสริมอก
ก่อนจะดู ข้อห้ามหลังเสริมอก มาดูอาการ กันก่อนดีกว่า หลังการผ่าตัดใด ๆ ก็ตาม ย่อมมีบาดแผล เนื่องจากแพทย์ต้องกรีดเปิดผิวหนังทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำ เราก็ต้องเตรียมพร้อมกับอาการหลังเสริมหน้าอกด้วย ทั้งอาการเลือดซึมจากแผล อาการเจ็บปวดที่แผล อาการบวมช้ำ รวมไปถึงอาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่เกิดจากการผ่าตัดนอกจากนี้ คุณหมอแนะนำว่าควรสังเกตอาการหลังเสริมหน้าอกให้ดี เพราะมีทั้งอาการปกติและอาการที่ต้องพบแพทย์ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ อาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่เกิดจากการผ่าตัด
อาการหลังเสริมอก “ปกติ”
- อาการวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังการดมยาสลบ อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังเสริมหน้าอก
- อาการแน่นหน้าอก เคลื่อนไหวลำบาก รู้สึกไม่สบาย (ในกรณีที่เสริมหน้าอกใหญ่มาก) เป็นอาการที่จะคงอยู่เป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังเสริมหน้าอก
- มีรอยช้ำสีม่วงแดงเนื่องจากเต้านมบวม แต่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์หลังเสริมหน้าอก
- ปวดระบมหน้าอกและรักแร้ทั้ง 2 ข้าง ประมาณ 2-5 วัน จะค่อย ๆ ดีขึ้น
- ความรู้สึกเสียวซ่าจะเกิดขึ้นในไม่กี่สัปดาห์
- แผลจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกจะหายภายใน 1 สัปดาห์ และแผลเป็นจะชัดเจนขึ้นในช่วง 2 เดือนแรก หลังเดือนที่ 6 แผลเป็นจะค่อย ๆ จางลง แนะนำให้เริ่มใช้การรักษาแผลเป็นในวันที่ 7-14 หลังการเสริมหน้าอก
- บางบริเวณอาจยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อยอยู่ได้นานถึงสามเดือนหลังเสริมหน้าอก
- หัวนมอาจชาเป็นเวลาสองสามเดือน
อาการหลังเสริมอก “ผิดปกติ”
- เต้านมแดง บวม แสบร้อน เป็นอาการที่ไม่ดีขึ้นหรือทุเลาลง
- มีหนองหรือของเหลวไหลออกจากแผลที่หน้าอก
- อาจมีตุ่ม ผื่น หรือก้อนแข็งที่เต้านม
- หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก และหายใจลำบาก
- หน้าอกเป็นริ้ว เป็นคลื่น
- หน้าอกแข็งขึ้น
ข้อห้ามหลังเสริมอก
ข้อห้ามหลังเสริมอก ในช่วง 1-3 เดือนแรกหลังเสริมหน้าอก ร่างกายกำลังซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเส้นประสาทที่บอบช้ำ จึงควรดูแลอย่างเหมาะสมเพื่อให้แผลหายดีและไม่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนทำให้ได้รูปทรงที่สวยงามและซิลิโคนเข้าที่ และนี่คือ ข้อห้ามหลังเสริมอกที่หมอแนะนำให้คนไข้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ห้ามให้แผลโดนน้ำ
หลังเสริมหน้าอกทันที แพทย์จะติดพลาสเตอร์กันน้ำ แม้ว่าจะมีคุณสมบัติกันน้ำ แต่ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำจนกว่าจะถึงกำหนดนัดติดตามผล เวลาอาบน้ำหรือเหงื่อออกควรเช็ดบริเวณแผลให้สะอาดและแห้ง หรือจนกว่าแผลจะสมานตัว
ห้ามออกแรงหนัก ๆ ที่แขน
ในช่วงเดือนแรกคุณหมอเน้นย้ำให้คนไข้งดการยกของหนัก ขับรถเอง หรือออกกำลังกายที่ต้องใช้กล้ามเนื้อแขนเสมอ เนื่องจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกจะส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อที่เชื่อมต่อกับแขน การออกแรงที่แขนอย่างหนักอาจทำให้เกิดการอักเสบและปวดบวมมากขึ้นหลังการผ่าตัด หรืออาจทำให้แผลฉีกขาดได้
ห้ามนอนคว่ำหน้าและนอนตะแคง
ในช่วงแรกหลังเสริมหน้าอก 1 เดือน ห้ามนอนตะแคง เพราะอาจทำให้ซิลิโคนที่ปลูกเคลื่อนและเกิดปัญหาได้ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าเป็นเวลาสองถึงสามเดือนหลังจากการเสริมหน้าอก
ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ก่อนและหลังเสริมหน้าอก 2 สัปดาห์ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ความดันโลหิตสูงและเลือดสูบฉีดมากเกินไป ทำให้แผลติดเชื้อได้ง่าย และแผลหายช้า
ห้ามกินอาหารหมักดอง อาหารดิบ อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ
ข้อห้ามหลังเสริมหน้าอกอีกอย่างคือ อาหารหมักดอง อาหารดิบหรือกึ่งสุก เนื่องจากเราไม่รู้ว่ากระบวนการหมักนั้นสะอาดแค่ไหน หรืออาหารดิบมีเชื้อโรคและปรสิตที่อาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารดิบ ๆ รวมไปถึงอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบไปก่อนจนกว่าแผลจะสมานตัวและหายดี
ห้ามกินอาหารแปรรูป
อาหารแปรรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปมักมีปริมาณโซเดียมสูง หลังเสริมหน้าอก ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม ลูกชิ้น และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากโซเดียมที่มีอยู่จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากขึ้น และทำให้แผลหลังเสริมหน้าอกมีอาการบวมยิ่งขึ้นด้วย
ห้ามใส่เสื้อชั้นในมีโครง
หลังเสริมหน้าอกห้ามใส่เสื้อชั้นในแบบมีโครง แพทย์จะใส่ซัพพอร์ตบราและรัดหน้าอกเพื่อพยุงเต้านมและล็อคไม่ให้ซิลิโคนเคลื่อนหรือไหลออกด้านข้างเพื่อป้องกันซิลิโคนผิดรูป สามารถกดหน้าอกออกได้ตามคำแนะนำของแพทย์ คนไข้ส่วนใหญ่จำเป็นต้องพันผ้าพันแผลไว้จนกว่าจะไปนัดตัดไหมหรือดูแผลหลังเสริมหน้าอกได้ แนะนำให้สวมเสื้อชั้นในแบบมีโครงต่อเนื่อง 1-2 เดือน (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์) โดยหลีกเลี่ยงเสื้อชั้นในแบบมีโครงก่อน ช่วยลดปัญหาหลังการเสริมหน้าอกที่เกิดจากการกดทับของซิลิโคนซึ่งอาจทำให้หน้าอกผิดรูปได้
การดูแลตัวเองหลังเสริมอกอย่างไร
เชื่อว่าทุกคนที่ตัดสินใจทำศัลยกรรมรวมทั้งเสริมหน้าอกก็อยากทำแค่ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตโดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ อย่างไรก็ตามหลายคนยังคิดว่าเสริมหน้าอกเสร็จแล้วก็จบไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย หากเป็นเช่นนี้ คุณหมอแนะนำให้เปลี่ยนใจทันที หากร่างกายมีการสร้างและซ่อมแซมตัวเองอย่างต่อเนื่องก็ไม่ควรนิ่งนอนใจเพราะไม่เช่นนั้นผลข้างเคียงที่อันตรายของแผลเป็นจากการเสริมหน้าอกจะตามมาอย่างแน่นอน หากต้องการให้แผลหายเร็วและหน้าอกเข้ารูปสวยอย่างรวดเร็วต้องดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอกดังนี้
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำและป้องกันการติดเชื้อ
- เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามหลังเสริมอกให้ปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น เช่น ระวังอย่าให้แผลเปียก งดออกแรงแขน งดนอนคว่ำ ไม่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่ ไม่กินของหมัก ดอง ดิบ หรือควรเลือกเมนูอาหารหลังศัลยกรรมจมูก ศัลยกรรมหน้าอก และการสวมใส่ชุดชั้นใน นอกจากนี้ควรจัดกิจวัตรประจำวันหลังเสริมหน้าอก 1-3 เดือน
- ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยนวดเต้านมเพื่อป้องกันพังผืดและช่วยให้เต้านมนิ่มลง
- ดื่มน้ำมาก ๆ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- สวมเสื้อชั้นในที่รองรับสรีระตามที่แพทย์แนะนำ 1-2 เดือน เพื่อป้องกันซิลิโคนลอยสูง
- มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อรับบริการ After Care ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูบาดแผลและลดผลข้างเคียงหลังการเสริมหน้าอก
เตรียมตัวก่อนเสริมอก
นอกจากการดูแลตัวเองและปฏิบัติตามข้อห้ามหลังเสริมหน้าอกอย่างเคร่งครัดแล้ว คนไข้ยังต้องใส่ใจในการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดด้วย เพราะต้องมีการดมยาสลบ คุณหมอบอกว่าควรเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนทำดีกว่าจะได้ไม่เสียใจกับปัญหาหลังเสริมหน้าอกในภายหลัง
- ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก สิ่งสำคัญคือต้องรายงานโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยาหรือวิตามินใด ๆ ที่กำลังใช้อยู่ต่อแพทย์
- งดอาหารและน้ำ 8-10 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าอกเพื่อป้องกันการสำลักขณะดมยาสลบ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงขึ้นไป ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าอกควรอาบน้ำสระผมให้สะอาด ในบางกรณี แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้คุณงดการอาบน้ำในครั้งแรกหลังการผ่าตัด
- งดยา อาหารเสริม และวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน โสม แปะก๊วย น้ำมันปลา และวิตามินอี ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเสริมหน้าอก
- แนะนำให้งดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนการเสริมหน้าอก
- วันเสริมหน้าอกควรงดการแต่งหน้า ทำเล็บ และใส่เครื่องประดับ เนื่องจาก วิสัญญีแพทย์จำเป็นต้องสังเกตอาการของคนไข้ระหว่างทำจากสีหน้าและเล็บมือ (หากทาสีเล็บให้ลบสีทาเล็บอย่างน้อยหนึ่งสี) นอกจากนี้ เครื่องประดับอาจเป็นอุปสรรคต่อการติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์บนร่างกายของผู้ป่วย
เสริมหน้าอกที่ไหนดี
ใครที่วางแผนจะเสริมหน้าอกและอยากได้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย ต้องพิถีพิถันในการเลือกและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เชื่อถือได้ และเทคนิคการเสริมหน้าอกที่ทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องให้ความสำคัญ ลดผลแทรกซ้อนและอาการข้างเคียง รีวิวจากคนไข้จริง รวมไปถึงราคาที่สมเหตุสมผล
หากยังไม่รู้ว่าจะเสริมหน้าอกที่ไหนดี ลองมาดูเหตุผลดี ๆ ที่ทำให้สาว ๆ หลายคนไว้วางใจให้รัตตินันท์ คลินิก ทำสิ่งนี้ก่อนตัดสินใจ
- เสริมหน้าอกโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง
- ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เลือกใช้ซิลิโคนเสริมหน้าอกที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานผ่านการรับรองความปลอดภัยและเป็นที่นิยมมากที่สุดถึงสองยี่ห้อสี่แบบดังนี้
- Mentor Smooth Round เป็นซิลิโคน Mentor ทรงกลม
- Mentor MemoryGel Xtra มีลักษณะเป็นแท่งซิลิโคนที่ช่วยเพิ่มปริมาณเจล
- Motive Ergonomix โดดเด่นด้วยการออกแบบซิลิโคนทรงหยดน้ำพร้อมพื้นผิวกำมะหยี่และชิปจัดเก็บข้อมูล
- Motiva Silk Surface Plus มีลักษณะเป็นพื้นผิวกำมะหยี่แบบซิลิโคนทรงกลม
นี่คือข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับข้อห้ามหลังเสริมอกที่เราตั้งใจนำมาฝากกัน หวังว่าผู้ที่กำลังตัดสินใจเสริมหน้าอกจะนำข้อมูลนี้ไปใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยไม่มีปัญหาใด ๆ หากปฏิบัติตามและดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอกอย่าละเลยคำแนะนำของแพทย์ รับรองว่าอาการหลังการเสริมหน้าอกด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น อาการปวด บวมช้ำ รวมไปถึงแผลหลังเสริมหน้าอกจะค่อย ๆ ดีขึ้น ร่างกายฟื้นตัวได้ไว สามารถกลับไปเรียน ไปทำงาน และใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วแน่นอน