การดูดไขมันเหนียงเป็นที่นิยมสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพราะจะทำให้หน้าดูเรียวขึ้นได้ ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการ รวมทั้งสามารถช่วยแก้ปัญหาเหนียงหรือคางสองชั้น ที่คนมักเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นกับคนอ้วนเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วคนผอม หรือคนตัวเล็ก อาจมีเหนียงหรือคางสองชั้นได้เหมือนกัน เป็นการแก้ไขปัญหาไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังบริเวณใต้คาง สามารถทำได้โดยใช้เครื่องดูดไขมัน ในกรณีที่ผู้มีเหนียงน้อยมากจะนิยมใช้การดูดไขมันด้วยมือ ซึ่งจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์จึงจะได้ผลดีและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
เหนียงเกิดจากอะไร
สำหรับการเกิดเหนียงของคนทั่วไปนั้นมักจะมาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นอายุ สภาพผิว กรรมพันธุ์ โครงสร้างคางสั้น พฤติกรรมการใช้ชีวิต กล้ามเนื้อใต้คางหรือไขมันสะสม หากต้องการให้ใบหน้าตัวเองเรียวเล็กลงการดูดไขมันเหนียงจะสามารถเห็นผลได้ทันที การดูดไขมันเหนียง คาง แก้ม เป็นการดูดไขมันที่ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น พร้อมปรับผิวรอบคอและเหนียงให้เรียบเนียนเต่งตึง ดูดไขมันหนอกคอเพื่อให้มองเห็นรูปของคอ รูปหน้า กรอบหน้า และคาง ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเล็กลง เรียวขึ้น และที่สำคัญการดูดไขมันเหนียงยังทำให้รูปหน้าของผู้เข้ารับบริการดูอ่อนเยาว์ลงอีกด้วย
ดูดไขมันเหนียงดีอย่างไร
- เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง เมื่อมีใบหน้าที่เรียวได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ
- กำจัดไขมันสะสมเฉพาะจุด
- ไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบเพราะเป็นการสลายเฉพาะเซลล์ไขมัน
- ไม่ต้องกลัวในเรื่องของเลือด เพราะจะออกน้อยเนื่องจากแพทย์จะทำการเปิดแผลขนาดเล็กเพียง 0.1 ซ.ม. เท่านั้น ทำให้ไม่เกิดแผลเป็น
- มีความปลอดภัย หากเกิดผลข้างเคียงก็เกิดขึ้นได้น้อย
- ไม่เสียเวลาในการพักฟื้น เพราะพักไม่นาน
- หากดูแลตัวเองดีหลังจากดูดไขมันเหนียงมา จะเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วและถาวร
ใครที่ควรจะต้องดูดไขมันเหนียง ?
- คนที่มีปัญหาในเรื่องของคางสองชั้น คางห้อย คางย้อย และมีเหนียงออกเยอะ
- คนที่มีอายุ 20 – 50 ปี แล้วต้องการปรับให้ตัวเองมีใบหน้าให้ดูเรียวสวยมากขึ้น
- คนที่มีไขมันสะสมใต้คางและมีคางสั้น ทำให้ดูหน้าอ้วน ไม่สวยงาม
- คนที่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองเมื่อมีใบหน้าที่เรียวขึ้น
- ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าตัวเองสวยในระยะเวลาที่จำกัด โดยที่ไม่ต้องทำการผ่านตัด หรือพักฟื้นใด ๆ
วิธีลดเหนียงทำได้ด้วยวิธีใดได้บ้าง ?
การฉีดโบท็อกซ์ (Botox)
สำหรับการฉีดโบท็อกซ์นั้นจะเป็นการฉีดเพื่อช่วยยกกระชับผิวหนังไม่ให้เกิดความหย่อนคล้อย ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปจะไม่เห็นผลทันที ผู้เข้ารับบริการจะต้องรอประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งจะเริ่มเห็นกรอบใบหน้าที่ชัดขึ้น เหนียงใต้คางเริ่มกระชับ แต่การฉีดโบท็อกซ์นี้จะให้ผลแค่ประมาณ 6 เดือนเท่านั้น หากต้องการยกกระชับให้กลับมาตึงใหม่ก็ต้องมาฉีดอยู่เรื่อย ๆ
การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat)
การลดเหนียงด้วยวิธีนี้จะเป็นการนำสารวิตามินเข้าเพื่อให้เข้าไปสลายไขมันที่สะสมบริเวณเหนียง ระยะเวลาการเห็นผลนั้นจะอยู่ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์หลังฉีด และจะออกฤทธิ์ได้ประมาณ 2 – 6 เดือน ซึ่งยังช่วยในการลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใบหน้าได้ด้วย
การร้อยไหม (Thread Lifting)
วิธีนี้จะใช้เส้นไหมร้อยบริเวณใต้ผิวหนัง เพื่อไปกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ทำให้มีการไหลเวียนโลหิตได้ดีขึ้น ทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึง ไม่หย่อนตามไขมันส่วนเกิน และเมื่อผ่านไป 2 เดือน ใบหน้าก็จะกระชับมากขึ้น ซึ่งการร้อยไหมนี้จะอยู่ได้ประมาณ 2 ปี
การทำ HIFU
โดยใช้คลื่นอัลตราซาวนด์แทรกซึมเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อทำลายเนื้อเยื่อชั้นลึก ทำให้ชั้นผิวหดตัวและสร้างคอลลาเจนใหม่ จึงทำให้ผิวกระชับขึ้นกว่าเดิม เหนียงใต้คางไม่หย่อนคล้อยจนมองเห็นได้ชัดเจน ยังช่วยลดคางสองชั้น และริ้วรอยแห่งวัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแสบร้อนแต่ขึ้นอยู่กับระดับของพลังงานที่เผาผลาญใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งหากต้องการพลังงานสูง แพทย์จะสั่งยาสลบเพื่อลดความรู้สึกแสบร้อนระหว่างทำ
ดูดไขมันเหนียง
ดูดไขมันเหนียง สามารถทำได้โดยใช้เครื่องดูดไขมันเพื่อช่วยแยกเซลล์ไขมัน (ในบางกรณีที่มีเหนียงน้อยมาก แพทย์อาจไม่เปิดเครื่องดูดไขมัน แต่จะดูดด้วยมือ (Manual Liposuction) แทน) ซึ่งเครื่องดูดไขมันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือการดูดไขมันด้วยพลังน้ำ (body-jet) และการดูดไขมันด้วยพลังงานความร้อน (Vaser Smooth 2.2, Ultra Z) จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของราคาของการดูดไขมันเหนียง ความเจ็บปวด และอาการหลังจากการดูดไขมัน และผลที่ได้รับเช่นกัน
ผลข้างเคียงที่เกิดจากการดูดไขมันเหนียง มีอะไรบ้าง ?
สำหรับการดูดไขมันเหนียงนั้น ผู้เข้ารับบริการอาจได้รับผลข้างเคียงเช่นเดียวกับการดูดไขมันบริเวณอื่น ๆ เนื่องจากมีเส้นประสาทค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่อันตรายใด ๆ อาจมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น มีอาการชาที่บริเวณใบหน้าหรือปากเบี้ยวเมื่อเข้ารับการรักษา ซึ่งอาจเกิดจากความผิดพลาดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่น
- อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ หลังจากดูดไขมันเหนียง ซึ่งอาจจะเกิดจากการใช้ยาชาหรือยาสลบ
- การที่แผลมีน้ำไหลออกมาจากจุดที่ดูดไขมัน ซึ่งมันก็คือสารละลายประเภทน้ำเกลือ ที่เป็นของเหลวสำหรับการดูดไขมันหรือน้ำเพื่อล้างเนื้อเยื่อของร่างกายเพื่อให้แผลแห้งเร็วขึ้น
- อาจจะมีแผลเป็นบริเวณที่ทำการดูดไขมันได้ ซึ่งอาจเกิดจากแผลติดเชื้อเนื่องจากได้รับการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือทำความสะอาดแผลไม่ดี
- เกิดก้อนแข็ง ๆ บริเวณใต้ผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นพังผืดหรือการเกิดห้อเลือด อาจจะหายเองได้ แต่ต้องใช้เวลา
ก่อนดูดไขมันเหนียงต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
ก่อนที่ผู้เข้ารับบริการดูดไขมันเหนียงนั้นจะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเป็นการลดปัญหาผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังเข้ารับบริการ โดยควรเตรียมตัวดังนี้
- ก่อนที่จะทำการดูดไขมันจะต้องแจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ เพื่อป้องกันการแพ้ยาในระหว่างที่ทำการดูดไขมัน
- ก่อนเข้ารับบริการจะต้องทำการตรวจเลือด เกร็ดเลือด การแข็งตัวของเลือกและเกลือแร่ในร่างกาย
- จะต้องเตรียมตัววางแผนการพักฟื้น เพราะช่วงแรกอาจจะมีน้ำเกลือไหลซึมออกจากแผล
- หากตัดสินใจแล้วว่าจะทำการดูดไขมันเหนียง จะต้องดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
- ต้องงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 เดือน
- ก่อนเข้ารับการดูดไขมัน 2 สัปดาห์ ควรงดรับประทานยากลุ่มแอสไพริน อาหารเสริมประเภทวิตามินอี น้ำมันตับปลา
- ก่อนจะเข้ารับการดูดไขมัน 2 วันจะต้องงดดื่มแอลกอฮอล์
- หากต้องใช้ยาสลบจะต้องงดรับประทานอาหารและน้ำอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- หากเป็นการใช้ยาชา แพทย์จะให้งดรับประทานอาหารก่อนดูดไขมัน 3 ชั่วโมง
- พักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มชากาแฟและน้ำอัดลมในวันที่ดูดไขมัน
- งดแต่งหน้าและใช้เครื่องสำอาง
- ไม่ใส่เครื่องประดับ และควรตัดเล็บให้สั้น เพื่อเป็นการป้องกันการเกาเกิดขึ้น
- ควรพาญาติมาด้วย
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อดูดไขมันเหนียงมา
รักษาแผลให้สะอาดจนกว่าจะได้รับการตัดไหม อย่าลืมรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และควรไปพบแพทย์ทุกครั้งตามนัด หากแพทย์เอาสายรัดไว้บนใบหน้าเพื่อทำให้เหนียงกระชับขึ้น กรอบหน้าและแก้มต้องใส่ตามคำแนะนำของแพทย์ ช่วงเดือนแรกอาจจะต้องใส่เกือบตลอดเวลา หลังจากนั้นประมาณ 2 – 3 เดือนอาจจะต้องใส่ประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน
สิ่งที่ไม่ควรทำคืออย่าให้แผลโดนน้ำจนกว่าจะได้รับการตัดไหม หรือช่วงระหว่างรอการตัดไหม ยังไม่ควรสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทะเล อาหารหมักดอง ยาและอาหารเสริม รวมทั้งหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากที่อาจส่งผลกระทบกระเทือนได้
ดูดไขมันเหนียงเจ็บไหม ?
การดูดไขมันเหนียงใต้คางซึ่งเป็นบริเวณที่บอบบางของผิวหนัง อาจทำให้เกิดอาการปวดได้ แต่โดยปกติแพทย์จะฉีดยาชาเพื่อบรรเทาอาการปวด แต่เมื่อชั้นไขมันบางลง ไขมันที่เหลือจะเกาะติดกับผิวหนังและกล้ามเนื้อ อาจทำให้รู้สึกเจ็บและรู้สึกเสียวแปลบ ๆ ได้บ้างในบางครั้ง แต่จะไม่รู้สึกเจ็บตลอดเวลา สำหรับการดูดไขมันประเภทนี้ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจ และเสริมความงามบนใบหน้าให้กับตัวเองให้มีรูปหน้าที่เรียวสวย ได้รูป
ดูดไขมันเหนียง ที่ไหนดี ?
แม้ว่าการดูดไขมันเหนียงจะมีสถานบริการให้เลือกมากมาย แต่การดูดไขมันเหนียงเป็นบริเวณที่บอบบางและมีเส้นประสาทมาก การเข้ารับการให้บริการกับสถานบริการที่มีแพทย์เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันเหนียง มีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการให้บริการที่ได้มาตรฐาน ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อ มีความน่าเชื่อถือได้ รีวิวแน่น รวมถึงการบริการของพนักงานที่คอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำเป็นอย่างดี จะช่วยให้การดูดไขมันเหนียงมีประสิทธิภาพและทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามสถานบริการที่เข้ารับการรักษาพร้อมทั้งวางแผนการรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยแต่ละรายให้เหมาะสมกับแต่ละเคส ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ซึ่งเราขอแนะนำ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ที่เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 10.00 – 20.00 น. หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลการให้บริการได้ที่หน้าเว็บไซต์ได้เลย
บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
- ข้อควรรู้ก่อน ดูดไขมันหน้าท้อง มีอะไรบ้าง
- ดูดไขมันต้นแขน คืออะไร เหมาะกับใครที่สุด มีเครื่องมื่อในการดูดไขมันแบบไหนบ้าง