กลืนบอลลูน ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร

การ กลืนบอลลูน (Gastric Sleeve) เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ไม่ต้องผ่าตัดและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับพฤติกรรมการกินเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น การรักษานี้ทำโดยใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหารผ่านทางกลืน ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลดการกินอาหารในแต่ละมื้อ ด้วยการดูแลจากแพทย์ที่มีทักษะขั้นสูงและการติดตามผลที่ต่อเนื่อง เพื่อดูแลให้ปลอดภัยและมั่นใจได้ในการลดน้ำหนัก การกลืนบอลลูนจึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการการผ่าตัดใหญ่ในการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ

การกลืนบอลลูนคืออะไร?

การ กลืนบอลลูน หรือการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ใช้การใส่บอลลูนที่ทำจากซิลิโคนอ่อนเข้าไปในกระเพาะผ่านการกลืน โดยบอลลูนจะถูกเติมน้ำเกลือหรืออากาศเพื่อให้เต็ม ส่งผลให้ผู้รับการรักษารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และลดปริมาณอาหารที่บริโภคในแต่ละวัน การใส่บอลลูนนี้ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้เป็นวิธีที่ไม่อันตรายและดูแลให้ปลอดภัยระหว่างการทำโดยแพทย์ที่มีทักษะและรักษามายาวนาน

เหตุผลที่ควรเลือกกลืนบอลลูนในการลดน้ำหนัก

การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและเป็นทางเลือกที่ดูแลให้ปลอดภัยเมื่อเทียบกับการผ่าตัดกระเพาะ การรักษานี้ใช้เวลาสั้นกว่าและไม่ต้องพักฟื้นนาน ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการผ่าตัด นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งการรักษาได้ตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล บอลลูนที่อยู่ในกระเพาะจะช่วยให้รู้สึกอิ่มไวขึ้น ส่งเสริมการลดน้ำหนักได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเจ็บตัว

ขั้นตอนการกลืนบอลลูน

การเตรียมตัวสำหรับการกลืนบอลลูน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความพร้อมและให้คำแนะนำในการเตรียมตัว เช่น การงดอาหารก่อนการใส่บอลลูน เมื่อถึงวันนัดหมาย บอลลูนจะถูกใส่ผ่านทางกลืนโดยใช้กล้องส่อง ตรวจสอบตำแหน่งและเติมน้ำเกลือเข้าไปจนบอลลูนขยายตัวเต็มที่ หลังจากครบระยะเวลาที่กำหนด แพทย์จะนัดหมายเพื่อนำบอลลูนออกโดยกระบวนการที่ไม่อันตราย และสามารถทำได้ในเวลาอันสั้น

ใส่บอลลูนกระเพาะอาหาร
  1. ตรวจร่างกายเบื้องต้นว่าคนไข้พร้อมที่จะรับการรักษาหรือไม่
  2. งดรับประทานอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และงดน้ำอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนทำการใส่บอลลูน
  3. วิสัญญีแพทย์ทำการฉีดยาทำให้หลับ (ไม่ได้ดมยาสลบ)
  4. ทำการพ่นยาชาที่คอ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกขย้อนในระหว่างการรักษา
  5. ศัลยแพทย์ทำการส่องกล้องลงไปทางหลอดอาหารจนถึงกระเพาะ เพื่อใส่บอลลูนซิลิโคนที่ยังไม่พองออกลงไปในตำแหน่งที่เหมาะสม
  6. เมื่อบอลลูนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แพทย์จะทำการฉีดน้ำเกลือผสมกับสารสีฟ้าที่เรียกว่าเมทิลีนบลู (Methylene Blue) เข้าไปในบอลลูน ประมาณ 350-500 ซีซี โดยขึ้นอยู่กับขนาดกระเพาะคนไข้
  7. ใช้เวลาทำประมาณ 15-20 นาที
  8. พักฟื้นที่สถานพยาบาลต่อจนครบ 2 ชั่วโมง แล้วกลับบ้านได้

การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เหมาะกับใคร?

การกลืนบอลลูน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินมาตรฐานและต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด กลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่า 27 และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น การนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ อาการปวดเข่า เข่าเสื่อม โรคเบาหวาน รวมถึงมีความพยายามในการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ มาแล้ว เช่น การควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร

ใครที่ไม่ควรทำบอลลูนในกระเพาะอาหาร ?

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากระเพาะอาหารหรือความผิดปกติในระบบย่อยอาหาร รวมถึงผู้ที่มีประวัติการแพ้ส่วนประกอบของบอลลูน ดังนี้

  1. สตรีตั้งครรภ์หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์
  2. มีความผิดปกติในกระเพาะอาหาร เช่น เป็นแผลในกระเพาะ เลือดออกในกระเพาะ หรือมีภาวะกรดไหลย้อนอย่างรุนแรง
  3. มีความผิดปกติในหลอดอาหารทำให้ส่องกล้องลงไปไม่ได้ เช่น หลอดอาหารตีบตัน รั่ว ได้รับอุบัติเหตุกับหลอดอาหาร
  4. มีภาวะอื่น ๆ เช่น ภาวะเลือดออกง่าย เลือดแข็งตัวยาก แพ้ยางซิลิโคน

การดูแลหลังการกลืนบอลลูน

หลังการกลืนบอลลูน ผู้รับการรักษาควรดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผลลัพธ์การลดน้ำหนักเป็นไปตามเป้าหมาย แพทย์จะแนะนำให้เริ่มจากการบริโภคอาหารเหลวในช่วงแรก และค่อย ๆ ปรับเป็นอาหารอ่อนเมื่อร่างกายปรับตัวได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เช่น การเคี้ยวช้า ๆ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันหรือแคลอรีสูง จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการลดน้ำหนัก การติดตามและปรึกษาแพทย์เป็นระยะเพื่อดูแลให้ปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลตัวเองระยะยาว ดังนี้

  • หลังใส่ไป จะเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งจะเป็นมากใน 3-4 วันแรก เนื่องจากกระเพาะอาหารจะพยายามขย้อนเอาบอลลูนออก ต่อจากนั้นอาการคลื่นไส้อาเจียนจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ยกเว้นว่าเรารับประทานอาหารมาก ก็จะมีอาการจุกแน่นท้อง
  • อาการคลื่นไส้นี้ จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง น้ำหนักก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ และจะได้ผลดีมากขึ้น หากมีการออกกำลังกายร่วมด้วย โดยน้ำหนักสามารถลดลงได้ 15-30% ของน้ำหนักตัวเลยทีเดียว
  • แนะนำให้พบแพทย์ หลังเข้ารับการรักษา 1 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลการรักษา และควรพบแพทย์ทุก 4-6 เดือน ในกรณีที่น้ำหนักยังไม่ลดเป็นที่พอใจ แพทย์สามารถแนะนำให้เพิ่มขนาดบอลลูนได้อีก 100-200 ซีซี
  • บอลลูน สามารถเกิดการรั่วซึมได้ ดังนั้นจึงต้องคอยสังเกตสีของปัสสาวะอยู่เสมอ
  • ควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้การลดน้ำหนักได้ผลมากยิ่งขึ้น
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็ว
  • เมื่อน้ำหนักลดลงสัก 4-6 เดือน ความรู้สึกแน่นลดลง น้ำหนักก็จะไม่ลดลงอีก ซึ่งก็ถือว่าจบการลดน้ำหนักระยะที่ 1
  • หากยังลดน้ำหนักไม่ได้ตามเป้าหมาย ก็สามารถกลับเข้ามาเพื่อเพิ่มน้ำเกลือเข้าไปในบอลลูนอีกรอบ เพื่อเริ่มการลดน้ำหนักระยะที่ 2
  • บอลลูนนี้จะถูกใส่ไว้เพียงชั่วคราว แต่หากผู้เข้ารับการใส่บอลลูนพอใจกับน้ำหนักที่ลดลงแล้ว ก็สามารถนำบอลลูนออกก่อนครบ 1 ปีได้
  • เมื่อครบ 1 ปี ก็จะต้องนำบอลลูนออก (หากไม่เอาออก บอลลูกอาจจะโดนน้ำย่อยในกระเพาะกัดกร่อนจนรั่วได้)
วิธีใส่บอลลูนกระเพาะอาหาร

ข้อดีและข้อเสียของการกลืนบอลลูน

ข้อดีของการกลืนบอลลูน เมื่อเทียบกับวิธีลดน้ำหนักอื่น ๆ คือไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลและไม่ต้องพักฟื้นนาน อีกทั้งยังสามารถปรับการรักษาตามสภาพร่างกายได้ง่าย และช่วยส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินได้อย่างยั่งยืน เหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นลดน้ำหนักโดยไม่ต้องเจ็บตัว

ข้อเสียและความเสี่ยง ที่ควรรู้ ได้แก่ ความไม่สบายในช่วงแรกที่ใส่บอลลูน เช่น คลื่นไส้หรืออาเจียน ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน และอาจมีความเสี่ยงเล็กน้อยในการเกิดแผลที่กระเพาะอาหารหากดูแลไม่ดี

ประโยชน์ของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร

  • เป็นการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่เจ็บตัว และไม่มีบาดแผล
  • ไม่ต้องรับประทานยาเพื่อลดน้ำหนัก
  • บอลลูนจะเข้าไปลดพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มตลอดเวลาและรับประทานอาหารได้น้อยลงกว่าเดิม ส่งผลให้ฮอร์โมนเกี่ยวกับความหิวหลั่งลดลง ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง
  • เป็นวิธีลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ
  • นอกจากน้ำหนักที่ลดลงมาแล้ว คนไข้จะมีสุขภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากมีการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ชีวิตร่วมด้วย

ข้อเสียและความเสี่ยงของการทำบอลลูนในกระเพาะอาหาร

  1. เมื่อน้ำหนักลงได้สักระยะ 4-6 เดือน มีโอกาสที่จะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง ทำให้ต้องมาเพิ่มน้ำเกลืออีกครั้ง ทำให้อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายครั้ง
  2. อาจเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
  3. มีความเสี่ยงเกิดภาวะทางเดินอาหารอุดตันหากบอลลูนรั่ว
  4. มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากจนคนไข้บางคนอยากเอาออกเลยหลังทำไป 1-2 วัน เพราะทนอาการข้างเคียงไม่ไหว
  5. ต้องเอาบอลลูนออกภายใน 1 ปี ซึ่งอาจจะทำให้มีน้ำหนักขึ้นได้

กลืนบอลลูนที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์

ทีมแพทย์ลดขนาดกระเพาะ ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์

นพ.-ปณต-ยิ้มเจริญ
นพ. ปณต ยิ้มเจริญ ศัลยแพทย์
น.ท.นพ.-เสรษฐสิริ-พันธุ์ธนากุล
น.ท.นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ศัลยแพทย์
ร.อ.นพ. ดุษฎี สุรกิจบวร
ร.อ.นพ. ดุษฎี สุรกิจบวร ศัลยแพทย์
นพ. กฤติน อู่สิริมณีชัย
นพ. กฤติน อู่สิริมณีชัย อายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม
พญ. ณัฐกานต์ หุ่นธานี
พญ. ณัฐกานต์ หุ่นธานี วิสัญญีแพทย์
พญ. สุชาดา ประพฤติธรรม
พญ. สุชาดา ประพฤติธรรม วิสัญญีแพทย์

กลืนบอลลูน ราคาเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายและราคาโดยภาพรวม

กลืนบอลลูน ราคาบริการที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เริ่มต้นที่ 140,000 บาท (ตรวจสอบราคาโปรโมชันในแต่ละช่วงได้ทุกช่องทาง) ทั้งนี้ราคาอาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของบอลลูนที่ใช้ ค่าใช้จ่ายในการดูแลให้ปลอดภัยโดยทีมแพทย์ รวมถึงค่าอุปกรณ์และการติดตามผลการรักษาหลังการใส่บอลลูน

โดยทั่วไป ราคาในประเทศไทยอยู่ในช่วงตั้งแต่ 100,000 – 300,000 บาท ทั้งนี้ราคาจะต่างกันตามคลินิก โรงพยาบาลและระดับการบริการที่ได้รับ การปรึกษากับแพทย์ก่อนการรักษาจะช่วยให้ทราบรายละเอียดและค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาแพทย์ ผ่านช่องทางไลน์ หรือโทรศัพท์

086-570-7040
ปรึกษาแพทย์
ขอดูรีวิวแบบจัดเต็ม
สแกน QR Code เพื่อแอดไลน์

เปรียบเทียบการกลืนบอลลูนกับการผ่าตัดกระเพาะ

การกลืนบอลลูน และการผ่าตัดกระเพาะเป็นสองวิธีที่แตกต่างกันในการลดน้ำหนัก โดยการกลืนบอลลูนไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาใส่และเอาออกไม่กี่นาที และไม่ต้องพักฟื้นนาน ทำให้เป็นวิธีที่ไม่อันตราย แต่ผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักอาจน้อยกว่าการผ่าตัดกระเพาะ ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ถาวรและให้ผลลัพธ์ชัดเจนในการลดน้ำหนัก แต่ก็มีความเสี่ยงและต้องพักฟื้นนานกว่า

ข้อดีและข้อเสียของทั้งสองวิธี

  1. กลืนบอลลูน
    • ข้อดี ไม่ต้องผ่าตัด ฟื้นตัวเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการการรักษาถาวร
    • ข้อเสีย ผลลัพธ์อาจไม่คงทนเท่าผ่าตัด อาจเกิดอาการไม่สบายในช่วงแรก
  2. ผ่าตัดกระเพาะ
    • ข้อดี ผลลัพธ์ชัดเจน ลดน้ำหนักได้มาก ควบคุมปริมาณอาหารถาวร
    • ข้อเสีย ต้องผ่าตัด ความเสี่ยงสูงกว่า ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า

รีวิวจากผู้ที่เคยกลืนบอลลูน

หลายคนที่เคยผ่านการกลืนบอลลูน หรือ ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร มาแล้วให้ความคิดเห็นในแง่บวกเกี่ยวกับการลดน้ำหนักแบบไม่ต้องผ่าตัด ผู้ที่เข้ารับการรักษามักกล่าวถึงความสะดวกสบายระหว่างขั้นตอนการใส่และการเอาบอลลูนออก พร้อมทั้งชื่นชมการดูแลที่ทำให้รู้สึกไม่อันตราย ส่วนใหญ่รายงานว่าน้ำหนักลดลงอย่างมีนัยสำคัญและสามารถปรับพฤติกรรมการกินได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางคนอาจรู้สึกไม่สบายในช่วงแรก เช่น คลื่นไส้ แต่จะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

อ่านเพิ่มเติม :

ผ่าตัดกระเพาะมีกี่วิธี แต่ละวิธีต่างกันอย่างไร ? ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ ผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกลืนบอลลูน

1. การกลืนบอลลูนเอาออกยังไง?

บอลลูนจะถูกเอาออกโดยใช้กล้องส่องภายใน แพทย์จะทำการดูดของเหลวออกจากบอลลูนก่อน แล้วจึงค่อยนำออกจากกระเพาะอาหาร ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานและดูแลให้ปลอดภัย

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาแพทย์ ผ่านช่องทางไลน์ หรือโทรศัพท์

086-570-7040
ปรึกษาแพทย์
ขอดูรีวิวแบบจัดเต็ม
สแกน QR Code เพื่อแอดไลน์

การ กลืนบอลลูน เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้ผู้ป่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน การดูแลให้ปลอดภัยและการปรับพฤติกรรมการกินเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มผลลัพธ์ การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยวิธีดั้งเดิม แต่ควรปรึกษาแพทย์ที่มีทักษะเพื่อประเมินความเหมาะสมและป้องกันภาวะแทรกซ้อน ผู้สนใจควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและพิจารณาข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจ