Diode Laser (ไดโอด เลเซอร์ ) เทคโนโลยีการกำจัดขนที่ดีที่สุดด้วยนวัตกรรมเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นหลากหลาย สามารถกำจัดขนได้ลึกถึงชั้นผิวหนังชั้นลึกแบบถอนรากถอนโคน โดยไม่แสบผิวหรือเป็นหนังไก่ซึ่งเป็นที่นิยมในทั้งชายและหญิง วันนี้ ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเลเซอร์ไดโอด กันอย่างละเอียด แต่จะมีรายละเอียดแบบไหนบ้างมาดูพร้อม ๆ กันเลย
Diode Laser คืออะไร
Diode Laser นวัตกรรมเลเซอร์กำจัดขนหน้าท้อง ผู้หญิงที่ทันสมัยใช้คลื่นพลังงานที่มีความยาวคลื่นต่าง ๆ ช่วงความยาวคลื่นที่นิยมใช้คือ 800-1,350 นาโนเมตร สามารถใช้กำจัดขนออกจากผิวหนังได้ เพราะเลเซอร์สามารถลงลึกถึงชั้นผิวหนังเพื่อกำจัดขนได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ โดยสามารถจับเม็ดสีที่รากขนและช่วยยับยั้งเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงรากขน และยังสามารถปล่อยพลังงานความร้อนออกมาทำลายรากขน ทำให้ขนหลุดร่วงได้โดยไม่ทำร้ายหรือทำลายผิวหนังบริเวณที่กำจัดขน นอกจากนี้ยังสามารถกำจัดขนได้อย่างถาวรอีกด้วย การทำไดโอด เลเซอร์ยังเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังในบริเวณที่ทำเลเซอร์ ทำให้ผิวกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น
Diode Laser ทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานของเครื่อง Diode Laser คือการปล่อยคลื่นที่มีความยาวต่าง ๆ เข้าไปดูดซับเม็ดสีเมลานินเพื่อกำจัดขนแบบลงรากลึกถึงโคน และทำให้ขนหลุดร่วงทันทีหลังทำ หรือความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน สามารถดูดเซลล์เม็ดเลือดแดงได้ ที่สามารถทำลายเส้นเลือดฝอยที่นำเลือดไปเลี้ยงรากขน ทำให้ลดการเกิดใหม่ของเส้นขนได้
สำหรับการกำจัดขนด้วย Diode Laser นั้นมักใช้เพื่อกำจัดขนบริเวณกว้าง หรือบริเวณที่ไม่ต้องการความละเอียดมาก เช่น ขนแขน ขนขา ขนรักแร้ ขนบิกินี่ ขนหน้าอก ขนเครา นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาขนคุด ปัญหาหนังไก่ หรือปัญหาผิวคล้ำบริเวณที่ขนขึ้นได้
Diode Laser เหมาะกับใครบ้าง
Diode Laser เป็นการกำจัดขนถาวรในจุดต่าง ๆ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีขนตามจุดต่าง ๆ ที่สร้างความรำคาญใจ หรือเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่นมีกลิ่นไม่พึงประสงค์จากขนในที่ลับ ต้องการเพิ่มความมั่นใจในตนเอง ปัญหาที่เกิดจากการโกน ได้แก่ ขนคุด ผิวหนังไก่ หรือผิวหนังอักเสบ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำบริเวณที่ขนขึ้น นอกจากนี้การทำเลเซอร์ด้วย diode laser ยังเหมาะกับผู้ที่มีผิวขาวหรือผิวสองสี มากกว่าคนที่ผิวแทนหรือผิวเข้ม
ข้อดีและข้อเสียของ diode laser คืออะไร?
ข้อดีของ Diode Laser
- มีประสิทธิภาพ เหมาะกับทุกสีผิวไม่ว่าจะเป็นผิวบอบบาง ผิวคล้ำ หรือผิวแห้ง
- เลเซอร์ไม่ทำลายเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ทำให้คนผิวคล้ำที่มีเม็ดสีมากกว่าคนผิวขาวก็สามารถทำได้โดยไม่ทำให้ผิวไหม้
- diode laser อ่อนโยนต่อผิวและไม่ทำให้ผิวไหม้
- ความยาวคลื่นของเลเซอร์สามารถลงลึกถึงชั้นผิวหนัง ทำให้สามารถกำจัดขนได้ถึงโคนราก
- เนื่องจาก diode laser มีระบบทำความเย็น ช่วยไม่ให้ผิวหนังบริเวณที่เลเซอร์บาดเจ็บหรือช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บ
- สามารถกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวใสขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
ข้อเสียของ Diode Laser
- คนที่มีขนหนาและเข้มอาจเห็นผลช้ากว่าคนที่มีขนสีอ่อนและบาง เพราะการทำงานของเลเซอร์คือการจับเม็ดสีเมลานินในเส้นขน พบได้บ่อยในขนสีเข้มและหนา
- หลังทำเลเซอร์ 2-3 วัน ผิวอาจระคายเคือง โดยผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์จะรู้สึกบวมแดงแต่จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายเอง
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ถาวรได้ด้วยการทำเลเซอร์เพียงครั้งเดียว หากต้องการให้ขนหลุดออกถาวรต้องทำหลาย ๆ ครั้ง
Diode Laser กี่ครั้งเห็นผล?
โดยปกติการทำเลเซอร์ขนน้องชายด้วยไดโอดต้องทำต่อเนื่องประมาณ 5-8 ครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน เพราะผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของเลเซอร์เส้นขนของแต่ละคนที่แตกต่างกัน โดยเส้นขนตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จะมีอายุต่างกันและอายุของเส้นขนมีผลต่อการทำเลเซอร์ เลเซอร์จะได้ผลกับเส้นขนในระยะที่เรียกว่า Anagen ซึ่งเป็นเส้นขนที่ยังอ่อนและบาง แต่ถ้าขนหนาและเข้ม ก็จะงอกกลับมาบางลงและอ่อนแอลง ซึ่งจะทำให้เห็นผลชัดเจนต้องทำต่อเนื่องกันหลาย ๆ ครั้ง
อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Diode Laser กับ yag laser
เลเซอร์กำจัดขนทั้งสองแบบเหมือนกันแต่มีพลังงานความยาวคลื่นต่างกัน yag laser มีความยาวคลื่น 1,064 nm เป็นเลเซอร์ที่เหมาะกับคนผิวคล้ำหรือผิวแทนมากกว่าผิวขาว และเป็นเลเซอร์ที่เหมาะสำหรับการกำจัดขนในบริเวณของร่างกายที่มีพื้นที่ไม่มากหรือต้องการความละเอียด เช่น หนวดเครา ใบหน้า หรือจุดซ่อนเร้น เป็นต้น ส่วน diode laser จะมีความยาวคลื่นอยู่ที่ 800-1,350 nm ที่หลากหลายกว่าทำให้เหมาะกับสภาพผิวที่หลากหลาย เหมาะกับทุกสีผิว และระบบระบายความเย็นที่ทำให้ระหว่างทำไม่รู้สึกแสบผิวซึ่ง yag laser จะให้ความรู้สึกที่เจ็บมากกว่า
การทำ Diode Laser มีกี่ขั้นตอน
ขั้นตอนสำหรับเลเซอร์ไดโอดนั้นง่ายและไม่ซับซ้อน ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีต่อพื้นที่ ขั้นตอนการทำไดโอดเลเซอร์มีดังนี้
- เริ่มจากการโกนขนหรือเล็มขนออก
- ทาเจลเย็นบริเวณที่จะเลเซอร์เพื่อลดการอักเสบและการระคายเคืองของผิวหนังก่อนเริ่มเลเซอร์
- หากรู้สึกเจ็บหรือทนไม่ไหวสามารถแจ้งให้ทีมแพทย์ปรับความเข้มของเลเซอร์ให้เหมาะกับคุณได้ แต่ส่วนใหญ่จะรู้สึกเจ็บหรือแสบน้อยมากในระดับที่ทนได้
- เมื่อยิงเลเซอร์ไปยังบริเวณที่ต้องการทำแล้ว ให้ทาเจลว่านหางจระเข้เพื่อลดการระคายเคืองและการอักเสบของผิวหนัง
- หลังการรักษาควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อการดูแลหลังทำเลเซอร์ ก็ถือเป็นอันเสร็จ
การเตรียมตัวก่อนกำจัดขน Diode Laser
- งดกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ เพราะผิวอาจแห้งและไหม้แดดได้ก่อนทำเลเซอร์
- ห้ามถอนหรือแว็กซ์ขนก่อนการทำเลเซอร์ เนื่องจากจำเป็นต้องรักษารูขุมขนเพื่อทำเลเซอร์และหลีกเลี่ยงรูขุมขนอักเสบ หากคุณต้องการกำจัดขนคุณสามารถทำได้โดยการโกนเท่านั้น
- งดการทำทรีทเม้นท์ผิวบริเวณที่จะทำเลเซอร์
- หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ ครีม หรือโรลออนที่มี AHA หรือกรดวิตามินเอ เพราะอาจทำให้ผิวอ่อนแอลงก่อนการทำเลเซอร์
- หากคุณต้องการกำจัดขนด้วยบิกินี่หรือบราซิลเลี่ยน ควรทำหลังจากมีประจำเดือน 5-7 วันเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิวหนัง
วิธีดูแลตัวเองหลังการกำจัดขนด้วย Diode Laser
- หลังทำสามารถทำความสะอาด อาบน้ำ ถูสบู่บริเวณที่ทำเลเซอร์ได้ตามปกติ
- หากเกิดการระคายเคืองหรือคันบริเวณที่ทำเลเซอร์ควรใช้เจลว่านหางจระเข้
- หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์หลังทำ
- 2-3 วันแรก ควรหลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ ที่สามารถทำให้ผิวระคายเคืองได้
- หากคุณกำลังจะกำจัดขนบริเวณรักแร้ อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายในบริเวณเดียวกัน
- หากต้องการกำจัดขนใหม่ควรโกนออกเท่านั้น ห้ามถอนออกด้วยการถอนหรือแว็กซ์
- เพื่อให้เห็นผลชัดเจนควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และรักษาอย่างต่อเนื่อง
เลือกทำ Diode Laser กับคลินิกที่ไหนดี?
การทำ Diode Laser มีหลายคลินิกให้เลือก ที่ Rattinanhospital.com ของเรามีเครื่องเลเซอร์ที่ได้รับมาตรฐานสากล เครื่องมือครบ สะอาด ได้มาตรฐาน ปลอดภัยสูง ด้วยบริการจากประเทศเกาหลี ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาด้วยวิธีที่ดีที่สุดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงคำแนะนำหลังการทำเลเซอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจด้วยราคาที่เหมาะสม และจับต้องได้
หากคุณต้องการกำจัดขน Diode Laser เป็นอีกทางเลือกที่ดี ด้วยเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นที่หลากหลายซึ่งเหมาะกับสภาพผิวหลายประเภท จึงมีความไวต่อผิวหนังสูงเช่นกัน ไม่ระคายเคืองผิวง่ายและไม่เจ็บ แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ดีกว่าการแวกซ์หรือการถอน และหากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ด้วยการรักษาอย่างต่อเนื่องก็จะเห็นผลได้ดี มีประสิทธิภาพและถาวรในที่สุด