รู้ทันปัญหาฝ้าเลือด และวิธีดูแลผิวให้กระจ่างใสห่างไกลฝ้า

ฝ้าเลือด

ฝ้า เป็นปัญหาใหญ่ที่กวนใจใครหลายคน ยิ่งอายุมากขึ้น ฝ้ายิ่งพบบ่อยทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ฝ้าไม่ได้เป็นเพียงปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่เกิดได้ในวัยหนุ่มสาวอีกด้วย โดยเฉพาะ ฝ้าเลือด เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไข ใช้เวลานานในการรักษา หลายท่านผ่านการรักษามาหลายวิธีทั้งรักษาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ทาสกินแคร์ที่โฆษณาว่ากำจัดฝ้าได้ ยารักษาฝ้า หรือแม้แต่เดินเข้าคลินิกรักษาแพง ๆ ก็ไม่หาย บางคนไม่เห็นผลหรือแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้อาจเกิดจากการรักษาไม่ตรงจุด วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับฝ้า และวิธีรักษา ฝ้าเลือด มาแนะนำ มารู้จักฝ้ากันเถอะ เราจะสามารถทราบต้นตอของการเกิดฝ้าได้ก่อน แล้วคุณจะสามารถหาวิธีป้องกันฝ้าหรืออาการแพ้แมสสิวขึ้นได้อย่างตรงจุดและได้ผลมากที่สุด

ฝ้าคืออะไร

ฝ้า คือบริเวณผิวหนังที่มีรอยหรือจุดที่เป็นสีดำหรือน้ำตาลอ่อนถึงเข้มกว่าปกติ ซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวหนังสร้างเม็ดสีเมลานินมากกว่าเซลล์ผิวปกติ เมื่อมีการผลิตเมลานินมากขึ้นเม็ดสีเหล่านั้นก็จะถูกลำเลียงไปยังผิวหนังชั้นบนสุดหรือชั้นหนังกำพร้าจึงเกิดเป็นรอยให้เห็นทั่วบริเวณเป็นจุดสีดำหรือน้ำตาลซึ่งจะมีสีคล้ำกว่าสีผิวปกติของเรา ตำแหน่งที่พบเกิดได้หลายแห่ง เช่น ใบหน้า แก้ม หน้าผาก จมูก ริมฝีปาก ขมับ เป็นต้น ฝ้าสามารถพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30-40 ปี

การเกิดฝ้า

สาเหตุการเกิดฝ้า

ฝ้า เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีสีคล้ำหรือสีเข้มกว่าปกติ สาเหตุและปัจจัยหลักของการเกิดฝ้ามาจาก

  • แสงแดด เป็นปัจจัยหลักของปัญหาฝ้า เพราะแสงแดด ทั้ง UVA, UVB และแสงที่มองเห็นในชีวิตประจำวันของเราสามารถทำลายเซลล์ผิวและทำให้เกิดฝ้าได้
  • เครื่องสำอาง สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งของการเกิดฝ้า โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีสารไฮโดรควิโนน ทำให้เกิดรอยดำคล้ายฝ้า
  • ความไม่สมดุลของฮอร์โมน เช่นในวัยหมดประจำเดือน การตั้งครรภ์ และการรับประทานยาคุมกำเนิด อาจทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล กระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังสร้างเม็ดสีเมลานินและทำงานมากขึ้น
  • พันธุกรรม มีรายงานการวิจัยพบว่าพันธุกรรมหรือครอบครัวที่มีฝ้ามักจะส่งผลให้คนในครอบครัวเป็นฝ้าด้วย อัตราการเกิดเกือบ 50%
  • ฮอร์โมน ซึ่งมีผลทำให้เซลล์สร้างเมลานินมากขึ้น เช่น ในขณะตั้งครรภ์ วัยทอง หรือการรับประทานยาคุมกำเนิด
  • อายุ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการเกิดฝ้า เพราะมักพบในเพศชายและเพศหญิงอายุ 30-40 ปีขึ้นไปมากกว่าช่วงอายุที่ต่ำกว่า
  • ผลข้างเคียงจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อมักส่งผลกระทบต่อการผลิตและความสมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกาย

ชนิดของฝ้ามีอะไรบ้าง

ฝ้ามีหลายประเภทและแต่ละประเภทก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไป และเราสามารถเป็นฝ้าได้หลายชนิดในเวลาเดียวกัน มาดูกันว่าฝ้ามีกี่ประเภท แต่ละอย่างต่างกันอย่างไร?

  1. ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma) เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังชั้นนอกหรือผิวหนังกำพร้า เกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือดำ มีขอบชัดเจน แต่สามารถรักษาให้จางลงได้ด้วยการทาครีมกันแดด
  2. ฝ้าลึก(Dermal Melasma) เป็นฝ้าที่เกิดลึกกว่าชั้นหนังกำพร้า ทำให้การสร้างเม็ดสีเมลานินในชั้นหนังแท้ผิดปกติ ปรากฏเป็นสีฟ้าอมม่วง อาจเป็นสีน้ำตาลอ่อน สีเทา หรือขอบไม่ชัดเจน ฝ้าชนิดนี้รักษายากกว่าฝ้าตื้น อาจต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ร่วมด้วย เนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าหรือกันแดดอาจช่วยได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
  3. ฝ้าผสม (Mixed Melasma) เป็นฝ้าที่เกิดได้ทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึก นอกจากนี้ยังเป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด ฝ้าชนิดนี้ถ้าดูเข้มตรงกลางแสดงว่าเป็นฝ้าลึก แต่ถ้าขอบชัดสีจะจางลงเป็นฝ้าตื้น ๆ ฝ้าชนิดนี้จะตอบสนองต่อการรักษาเฉพาะบางบริเวณเท่านั้น
  4. ฝ้าระบุชนิดไม่ได้ (Indeterminate Melasma) เป็นฝ้าที่มักเกิดกับผู้ที่มีผิวเข้มมากหรือผิวคล้ำ เช่น ชาวแอฟริกัน เป็นต้น
  5. ฝ้าเลือด (Telangiectatic Melasma) เป็นฝ้าที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยบริเวณใบหน้าผิดปกติ การรักษาฝ้าประเภทนี้ต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังโดยตรง

เจาะลึกฝ้าเลือด

เจาะลึกเรื่อง ฝ้าเลือด

ฝ้าเลือด (Telangiectatic Melasma) ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าฝ้าเลือด เป็นฝ้าที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยในชั้นหนังแท้ผิดปกติ เมื่อถูกกระตุ้น เส้นเลือดฝอยในชั้นหนังแท้จะเพิ่มจำนวนขึ้นและเสื่อมลง เกิดเป็นเส้นเลือดฝอยแตกแขนงหรือกระจุกเล็ก ๆ บนผิวหน้า ลักษณะเป็นสีชมพู น้ำตาลแดง ไปจนถึงสีเข้ม

เผยสาเหตุการเกิดฝ้าเลือด

สาเหตุและปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดฝ้าเลือด ได้แก่

  • ผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวให้ขาวขึ้น เช่น ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นส่วนประกอบหลักในผลิตภัณฑ์ปรับผิวขาวหลายชนิดที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดการสะสมและส่งผลต่อผิวหนังทำให้บางได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เกิดฝ้าถาวร
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิดมีสารอันตรายที่มักพบในเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิด เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นเวลานานทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวมากขึ้น สารอันตรายที่พบและมีผลทำให้เลือดออก ได้แก่ สเตียรอยด์ ปรอท เป็นต้น
  • เซลล์ผิวเสื่อมสภาพจากแสงแดด อย่างที่บอกว่าแสงแดดเป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดฝ้า เพราะการที่ผิวโดนแสงแดดเป็นเวลานานจะทำให้ผิวเสื่อมสภาพตามธรรมชาติและชั้นผิวจะบางลง แสงแดดยังสามารถกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังให้เกิดฝ้า โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและดั้งจมูก
  • ฝ้าชนิดอื่น ๆ การเกิดฟ้าบนใบหน้าสามารถเป็นรวมกับฝ้าชนิดอื่น ๆ ได้ เพราะเมื่อเป็นฝ้าแล้ว เส้นเลือดฝอยที่ใช้ชั้นผิวหนังทำงานผิดปกติ โดยการเพิ่มจำนวนของเส้นเลือดฝอยสามารถกระตุ้นเซลล์เม็ดสีผิว (Melanocytes) ให้ผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น 

วิธีรักษา ฝ้าเลือด

ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ฝ้าเลือด ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอันตราย การรักษาฝ้าต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังโดยตรง การรักษาฝ้าโดยทั่วไปสามารถรักษาได้ด้วยวิธีกระชับรูขุมขน เร่งด่วนดังต่อไปนี้

  • เลเซอร์เฉพาะจุด การทำทรีตเมนต์นี้เลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาจะตรงเข้าไปยังชั้นผิวหนังเพื่อยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน สามารถช่วยลดจำนวนเส้นเลือดฝอยที่ทำให้เกิดฝ้าได้ อาทิเช่น คิวสวิทซ์ เลเซอร์ (Q-Switched Laser)
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอันตรายหรือสารที่ทำให้เกิดฝ้าเลือด ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ตรวจสอบได้และเชื่อถือได้
  • หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัดเป็นเวลานาน ควรมีอุปกรณ์เพื่อเสริมการป้องกัน เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขาวยาว หมวก แว่นตา และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด
  • ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าร่วมด้วย เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรดโคจิก คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) หรือกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) กรดอะเซไลอิก (Azelaic Acid) กรดวิตามินเอหรือเรตินอยด์ (Topical Retinoids / Retinoic Acid) เป็นต้น

กำจัดฝ้า

บอกต่อ cosmelan 2 ผลิตภัณฑ์กำจัดฝ้า ปรับผิวหน้าให้สว่างกระจ่างใส

ทุกวันนี้นอกจากมีเทคโนโลยีรักษาฝ้าแล้วยังมีผลิตภัณฑ์ป้องกันและรักษาฝ้าอีกมากมาย อย่างไรก็ตามการเลือกผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ สินค้าต้องปลอดภัย ปราศจากสารอันตราย ที่สำคัญเราควรป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นมากกว่าการรักษา วิธีง่าย ๆ ที่ทำได้คือทาครีมบำรุงผิวคุณภาพเยี่ยมจากเมโสเอสเตติกอย่าง Cosmelan 2 ช่วยลดเลือด ฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) ดำใหม่และยังป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Cosmelan 2 ยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนและไม่มีสารอันตรายที่ก่อให้เกิดฝ้า ประกอบด้วยเอสเซนส์ที่ช่วยป้องกันและยับยั้งการเกิดฝ้าและรอยดำต่าง ๆ เช่น

  • Titanium Dioxide ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB สาเหตุหลักของการเกิดฝ้าและการทำลายเซลล์ผิว
  • Kojic Acid ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยดำ ปรับผิวให้ดูสว่างขึ้น
  • Phytic Acid สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติช่วยปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใส นอกจากนี้ยังสามารถลดเลือนจุดด่างดำได้อีกด้วย
  • Ascorbic Acid สารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนฝ้า และจุดด่างดำให้ดูจางลง

ผลิตภัณฑ์ลดฝ้า Cosmelan 2 เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกตัว อุดมไปด้วยสารสำคัญที่สามารถป้องกันฝ้าและปรับผิวให้สว่างกระจ่างใสเรียบเนียน นอกจากนี้ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ปราศจากสารอันตรายที่ก่อให้เกิดฝ้าและยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะพร้อมเผยผิวสว่างกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ Cosmelan 2 ยังมีผลการวิจัยจากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จริง พบว่าหลังจากใช้ Cosmelan 2 เป็นเวลา 60 วัน สามารถลดฝ้าได้ทุกชนิด รวมถึงปัญหาความหมองคล้ำอื่น ๆ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ พร้อมปรับผิวให้ดูสว่างกระจ่างใส เรียบเนียน เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ควรใช้ Cosmelan 2 ร่วมกับบาล์มบำรุงผิวสูตรเข้มข้นเพื่อการฟื้นฟูผิวเมลานและครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป เช่น Mesoprotech melan-130 pigment control

เรียกได้ว่าปัญหาฝ้าต่าง ๆ นั้น นอกจากปัจจัยเรื่องอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีสารอันตรายเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดฝ้า โดยเฉพาะฝ้าเลือดหากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอันตรายไม่ปลอดภัยต่อเนื่องกันเป็นเวลานานก็จะเสี่ยงที่จะเกิดฝ้าเลือดร่วมกับฝ้าชนิดอื่น ๆ ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามหากมีปัญหาฝ้าเลือดที่สะสมเป็นเวลานานและมีอาการรุนแรงเป็นบริเวณกว้างหรือมีอาการอักเสบ แดง แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้